หมวดหมู่: น้ำมัน-แก๊ส

OIL15


ราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากความกังวลด้านอุปสงค์ หลังไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ระบาดในจีน

บทวิเคราะห์สถานการณ์น้ำมันประจำสัปดาห์ โดย บมจ.ไทยออยล์: ฉบับวันที่ 27 มกราคม 2563

               

ไทยออยล์คาดราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์นี้จะเคลื่อนไหวที่กรอบ 53-58 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

ส่วนน้ำมันดิบเบรนท์เคลื่อนไหวที่กรอบ 58-63 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

                                     

                                   

แนวโน้มสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบ (27 - 31 ม.ค. 63)

              ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดัน หลังตลาดกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่น ประเทศจีน ซึ่งอาจส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันชะลอตัว ประกอบกับตลาดคลายความกังวลจากเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบียเนื่องจากกำลังการผลิตส่วนที่หายไปในลิเบียอาจได้รับการชดเชยจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกที่มีกำลังการผลิตสำรองในระดับสูง ขณะที่การผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐฯ เดือน ก.พ. 63 คาดว่าจะขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 62 อย่างไรก็ตาม การส่งออกน้ำมันดิบในสหรัฐฯ คาดว่าจะยังอยู่ในระดับสูงเนื่องจากความต้องการใช้มีแนวโน้มลดลงเนื่องจากโรงกลั่นกำลังจะเข้าสู่ช่วงปิดซ่อมบำรุงตามฤดูกาล

ปัจจัยสำคัญที่คาดว่าจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์นี้:

          ราคาน้ำมันดิบมีแนวโน้มถูกกดดัน เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับการระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในเมืองอู่ฮั่น มณฑลเหอเป่ย์ ทางตอนกลางของประเทศจีนซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตแล้วหลายรายและเริ่มมีการแพร่ระบาดไปทั่วประเทศ โดยทางการจีนได้ประกาศสั่งระงับเที่ยวบินขาออกจากเมืองอู่ฮั่น และระบบขนส่งสาธารณะที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองตั้งแต่วันที่ 23 ม.ค. 2563 ซึ่งความกังวลดังกล่าวส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันมีแนวโน้มปรับตัวลดลง โดยเฉพาะช่วงเทศกาลตรุษจีนในช่วงปลายเดือนนี้

          ตลาดคลายความกังวลจากเหตุการณ์ความไม่สงบในลิเบียที่ล่าสุดตลาดคาดว่ากำลังการผลิตส่วนที่หายไปจะได้รับการชดเชยจากผู้ผลิตในกลุ่มโอเปกที่มีกำลังการผลิตสำรอง (spare capacity) มากกว่า 3 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังจากก่อนหน้านี้กองกำลังแห่งชาติลิเบียได้สั่งปิดท่าเรือ 5 แห่งภายในประเทศ ส่งผลให้บริษัทน้ำมันแห่งชาติของรัฐบาลลิเบียประกาศภาวะสุดวิสัย (force majeure) การส่งออกน้ำมันที่ท่าเรือดังกล่าวและทำให้กำลังการผลิตน้ำมันดิบของประเทศปรับลดลงไปอยู่ที่ระดับ 72,000 บาร์เรลต่อวัน จากระดับ 1.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน

          กำลังการผลิตน้ำมันดิบจากแหล่งชั้นหินดินดาน (shale oil) ในสหรัฐฯ เดือน ก.พ. 63 คาดว่าจะปรับเพิ่มขึ้นเพียง 22,000 บาร์เรลต่อวัน ไปอยู่ที่ระดับ 9.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเป็นการขยายตัวต่ำสุดนับตั้งแต่เดือน ก.พ. 62 อย่างไรก็ตาม ตลาดคาดว่าปริมาณการส่งออกจะยังคงอยู่ในระดับสูงเนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันในสหรัฐฯ บางแห่งเข้าสู่ช่วงฤดูกาลปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับความต้องการใช้น้ำมันเบนซินในสหรัฐฯ ปรับลดลงในช่วงฤดูหนาว โดยสถาบันปิโตรเลียมด้านพลังงานสหรัฐฯ (API) เผยตัวเลขน้ำมันดิบคงคลังสหรัฐฯ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ปรับตัวสูงขึ้นกว่า 1.6 ล้านบาร์เรล ซึ่งมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะปรับขึ้นเพียง 1 ล้านบาร์เรล

          ตลาดจับตาการถอนตัวอย่างเป็นทางการของอังกฤษจากสหภาพยุโรป (เบร็กซิท) ในวันที่ 31 ม.ค. 2563 หลังวันที่ 23 ม.ค. 2563 ร่างกฎหมายเบร็กซิทผ่านการเห็นชอบในขั้นตอนสุดท้ายของรัฐสภาอังกฤษแล้ว ถือเป็นการคลี่คลายกระบวนการเบร็กซิทที่ยืดเยื้อเป็นเวลานาน นับตั้งแต่ที่ชาวอังกฤษลงประชามติถอนตัวจากสหภาพยุโรปเมื่อเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา โดยตลาดคาดการณ์ว่าผลจาก

 

เบร็ทซิทจะทำให้อังกฤษเผชิญปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่จะชะลอตัวลง

          เศรษฐกิจที่น่าติดตามในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การประชุมนโยบายการเงินสหรัฐฯ จีดีพีสหรัฐฯ ไตรมาส 4/2562 ดัชนีภาคบริการสหรัฐฯ ดัชนีราคาผู้บริโภคยูโรโซน

สรุปสถานการณ์ราคาน้ำมันในสัปดาห์ที่ผ่านมา (20 - 24 ม.ค. 63)

              ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลง 4.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 54.19 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ในขณะที่ ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ปรับลดลง 4.16 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ 60.69 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบดูไบปิดเฉลี่ยอยู่ที่ 62.35 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล โดยราคาน้ำมันดิบถูกกดดันจากตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2562 อยู่ที่ร้อยละ 6.1 ซึ่งเป็นตัวเลขการขยายตัวที่ต่ำที่สุดในรอบ 29 ปีของจีน อันเป็นผลมาจากสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ นอกจากนี้ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก (จีดีพี) ในปี 2563 ลงไปสู่ระดับร้อยละ 3.3 ลดลงจากคาดการณ์เดิมในเดือน ต.ค. 62 ที่ร้อยละ 3.4 ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจอินเดียและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อย่างไรก็ตาม ตลาดยังได้รับแรงหนุนจากการประกาศหยุดการผลิตน้ำมันดิบด้วยภาวะสุดวิสัย (Force Majeure) ในแหล่งน้ำมันดิบ Sharara และ El Feel ในลิเบีย

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

sme 720x90banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!