หมวดหมู่: พาณิชย์

1aaa Aoramon1


ไทย-แอฟริกาใต้จับมือเพิ่มกิจกรรมการค้า หวังดันยอดค้าขายสู่ 6 พันล้านเหรียญภายในปี 68

    ไทย-แอฟริกาจับมือเพิ่มกิจกรรมขยายการค้า ทั้งจัดคณะผู้แทนการค้าเยือนกันเพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้า เพื่อแนะนำสินค้า หวังเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายเป็น 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 63 พร้อมแจ้ง ‘จุรินทร์’เตรียมนำคณะผู้แทนการค้าไปเยือนมี.ค.นี้ ตั้งเป้าขยายส่งออกข้าว ยาง อาหาร ผลไม้ ชิ้นส่วนยานยนต์ ระบุยังได้ขอให้แอฟริกาใต้แก้ปัญหาออกวีซ่า หลังร้านอาหาร สปาไทยกระทบ จนต้องปิดกิจการ  

     นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางการค้า (เจทีซี) ไทย-แอฟริกาใต้ ครั้งที่ 5 ซึ่งแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 ก.พ.2563 ณ กรุงพริทอเรีย หลังจากว่างเว้นการประชุมมานานกว่า 5 ปี ว่า ทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดคณะผู้แทนการค้าเยือนกันและกันเพื่อจับคู่ธุรกิจ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่แต่ละฝ่ายจัดขึ้น เพื่อแนะนำสินค้าให้เป็นที่รู้จัก ซึ่งไทยได้เชิญแอฟริกาใต้นำคณะนักธุรกิจเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศที่ไทยจะจัดขึ้นในปี 2563 เช่น งานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับในเดือนก.พ.และก.ย.2563 งานแสดงสินค้าอาหารในเดือนพ.ค.2563 งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ในเดือนต.ค.2563 ตลอดจนการส่งเสริมความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านการลงทุนที่สองฝ่ายได้ลงนามกันไว้ในปี 2560 และ MOU ด้านการเกษตรที่ลงนามกันไว้ในปี 2561 เป็นต้น และยังได้มีการตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายจาก 3,263 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2562 เป็น 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568

     ทั้งนี้ ไทยได้แจ้งแอฟริกาใต้ว่านายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแผนจะนำคณะนักธุรกิจไทยมาเยือนแอฟริกาใต้ในเดือนมี.ค.2563 เพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจ และขยายการค้าการลงทุนสองฝ่าย และได้แจ้งความสนใจที่จะขยายการส่งออกสินค้าข้าว ยาง และผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้ อาหารสำเร็จรูป และชิ้นส่วนยานยนต์ ไปยังตลาดแอฟริกาใต้

     ขณะเดียวกัน ได้ขอให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่แอฟริกาใต้เริ่มใช้มาตรการที่เข้มงวดในการออกวีซ่า และต่ออายุใบอนุญาตการทำงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร สปา และชิ้นส่วนยานยนต์หลายรายไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และต้องปิดกิจการลง ซึ่งแอฟริกาใต้รับปากที่จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแอฟริกาใต้ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน เพื่อหาทางออกต่อปัญหาดังกล่าวให้ไทย

     นอกจากนี้ ไทยได้แจ้งความสนใจเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของแอฟริกาใต้ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงาน เป็นต้น และขอทราบข้อมูลและนโยบายส่งเสริมการลงทุนของแอฟริกาใต้ ซึ่งได้ข้อมูลว่าปัจจุบันหน่วยงานด้านส่งเสริมการลงทุนของแอฟริกาใต้นำระบบการให้บริการแก่นักลงทุน ณ จุดเดียว หรือ One Stop Shop มาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น

      แอฟริกาใต้ มีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ในภูมิภาคแอฟริกาของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของแอฟริกาใต้ในอาเซียน โดยในปี 2562 การค้าระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้ มีมูลค่า 3,263.17 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกไปแอฟริกาใต้ 2,626.75 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากแอฟริกาใต้ 636.42 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องยนต์สันดาป ข้าว ยางรถยนต์ ยางขอบกระจกและประตู อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น อะลูมิเนียมและเศษอะลูมิเนียม เคมีภัณฑ์ ทองคำ เพชร แพลตทินัม เยื่อกระดาษ เหล็กและเหล็กกล้า เป็นต้น และแอฟริกาใต้ยังมีศักยภาพในการเป็นประตูการค้าสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแอฟริกากว่า 54 ประเทศ

กรมเจรจาฯ’ บุกแดนซาฟารี ตั้งเป้าขับเคลื่อนการค้าไทย-แอฟริกาใต้ สู่ 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568

     กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ นำไทยฟื้นเวทีการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือ เจทีซี ไทย – แอฟริกาใต้ ครั้งที่ 5 หลังว่างเว้นมานานกว่า 5 ปี ตั้งเป้าดันการค้าสองฝ่ายสู่เป้าหมาย 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2568 เตรียมนำคณะนักธุรกิจไทยเยือนแอฟริกาใต้มีนาคมนี้ เพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจ และขยายการค้าการลงทุนระหว่างกัน

     นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการความร่วมมือทางการค้า (เจทีซี) ไทย - แอฟริกาใต้ ครั้งที่ 5 ซึ่งแอฟริกาใต้เป็นเจ้าภาพจัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ณ กรุงพริทอเรีย โดยตนเป็นประธานร่วมกับนายวิกเตอร์ มาเชเบล่า อธิบดีกรมการค้าระหว่างประเทศและการพัฒนาเศรษฐกิจว่า สองฝ่ายได้หารือเรื่องการส่งเสริมการค้าการลงทุนระหว่างกันผ่านกิจกรรมต่างๆ เช่น การจัดคณะผู้แทนการค้าเยือนกันและกันเพื่อจับคู่ธุรกิจ การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่แต่ละฝ่ายจัดขึ้น ซึ่งไทยได้เชิญแอฟริกาใต้นำคณะนักธุรกิจเข้าร่วมงานแสดงสินค้าระหว่างประเทศที่ไทยจะจัดขึ้นในปี 2563

เช่น งานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับในเดือนกุมภาพันธ์และกันยายน งานแสดงสินค้าอาหารในเดือนพฤษภาคม งานแสดงสินค้าไลฟ์สไตล์ในเดือนตุลาคม ตลอดจนการส่งเสริมความร่วมมือภายใต้บันทึกความเข้าใจ (MOU) ด้านการลงทุนที่สองฝ่ายได้ลงนามกันไว้ในปี 2560 และ MOU ด้านการเกษตรที่ลงนามกันไว้ในปี 2561 เป็นต้น พร้อมตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าสองฝ่ายจาก 3,263 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2562 เป็น 6,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568 โดยนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ มีแผนจะนำคณะนักธุรกิจไทยมาเยือนแอฟริกาใต้ในเดือนมีนาคม 2563 เพื่อเจรจาจับคู่ธุรกิจ และขยายการค้าการลงทุนสองฝ่ายด้วย

     นางอรมน เสริมว่า ยังได้ใช้โอกาสนี้แจ้งความสนใจที่จะขยายการส่งออกสินค้าข้าว ยาง และผลิตภัณฑ์ยาง ผลไม้ อาหารสำเร็จรูป และชิ้นส่วนยานยนต์ ไปยังแอฟริกาใต้ และขอให้ช่วยแก้ปัญหาเรื่องที่แอฟริกาใต้เริ่มใช้มาตรการที่เข้มงวดในการออกวีซ่า และต่ออายุใบอนุญาตการทำงาน ส่งผลให้ผู้ประกอบการและนักลงทุนไทยในแอฟริกาใต้ โดยเฉพาะธุรกิจร้านอาหาร สปา และชิ้นส่วนยานยนต์ หลายรายไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ และต้องปิดกิจการลง ซึ่งแอฟริกาใต้รับปากที่จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของแอฟริกาใต้ เช่น กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงาน เพื่อหาทางออกต่อปัญหาดังกล่าวให้ไทย นอกจากนี้ ไทยได้แจ้งความสนใจเข้าไปลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายของแอฟริกาใต้ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ พลังงาน เป็นต้น และขอทราบข้อมูลและนโยบายส่งเสริมการลงทุนของแอฟริกาใต้ ซึ่งได้ข้อมูลว่าปัจจุบันหน่วยงานด้านส่งเสริมการลงทุนของแอฟริกาใต้นำระบบการให้บริการแก่นักลงทุน ณ จุดเดียว หรือ One Stop Shop มาใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุนต่างชาติเพิ่มขึ้น

     ทั้งนี้ แอฟริกาใต้มีประชากรกว่า 1,200 ล้านคน เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ในภูมิภาคแอฟริกาของไทย ขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของแอฟริกาใต้ในอาเซียน โดยในปี 2562 การค้าระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้ มีมูลค่า 3,263.17 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกไปแอฟริกาใต้ 2,626.75 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากแอฟริกาใต้ 636.42 ล้านเหรียญสหรัฐ มีสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องยนต์สันดาป ข้าว ยางรถยนต์ ยางขอบกระจกและประตู อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น อะลูมิเนียมและเศษอะลูมิเนียม เคมีภัณฑ์ ทองคำ เพชร แพลตทินัม เยื่อกระดาษ เหล็กและเหล็กกล้า เป็นต้น นอกจากนี้ แอฟริกาใต้มีศักยภาพในการเป็นประตูการค้าสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแอฟริกากว่า 54 ประเทศ

พาณิชย์ เตรียมเข้าร่วมประชุม JTC ไทย-แอฟริกาใต้ ครั้งแรกในรอบ 5 ปี พร้อมเดินหน้าเจรจาขยายการค้าการลงทุน เปิดประตูสู่แอฟริกา

     กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เตรียมเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า หรือเจทีซี ไทย – แอฟริกาใต้ ครั้งที่ 5 หลังว่างเว้นกว่า 5 ปี หารือแนวทางขยายการค้าการลงทุนสินค้าเกษตร และชิ้นส่วนยานยนต์ พร้อมผลักดันแก้ไขอุปสรรคทางธุรกิจของผู้ประกอบการไทยในแอฟริกาใต้

     นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า จะเดินทางเยือนแอฟริกาใต้เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้าไทย – แอฟริกาใต้ ครั้งที่ 5 ซึ่งกระทรวงการค้าและอุตสาหกรรมแห่งแอฟริกาใต้จะเป็นเจ้าภาพจัดขึ้น ในวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2563 ณ กรุงพริทอเรีย ประเทศแอฟริกาใต้ หลังจากว่างเว้นการประชุมมานานกว่า 5 ปี โดยจะมีการหารือในประเด็นสำคัญ ได้แก่ แนวทางขยายการค้าและการลงทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และชิ้นส่วนยานยนต์ ส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจในด้านต่างๆ รวมทั้งจะผลักดันการแก้ไขอุปสรรคการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการไทยในแอฟริกาใต้ เช่น การออกใบอนุญาตทำงานให้กับแรงงานไทย โดยเฉพาะในธุรกิจร้านอาหารและร้านสปา เพื่อขับเคลื่อนการค้าและการลงทุนระหว่างกันมากขึ้น

     นางอรมน เพิ่มเติมว่า แอฟริกาใต้ เป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของภูมิภาคแอฟริกาเป็นสมาชิกของกลุ่ม BRICS ซึ่งเป็นกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาที่มีการพัฒนาและเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว ประกอบด้วยบราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้ อีกทั้งยังเป็นสมาชิกของเขตการค้าเสรีทวีปแอฟริกา หรือ The African Continental Free Trade Area (ACFTA) ซึ่งกำลังจะมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2563 ทำให้แอฟริกาใต้เป็นตลาดศักยภาพและประตูการค้าของไทยสู่ประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคแอฟริกากว่า 54 ประเทศ ดังนั้น การประชุมครั้งนี้จึงเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองประเทศจะกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

     ทั้งนี้ แอฟริกาใต้เป็นคู่ค้าอันดับ 1 ในภูมิภาคแอฟริกา ในขณะที่ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของแอฟริกาใต้ในอาเซียน โดยในปี 2562 การค้าระหว่างไทยกับแอฟริกาใต้ มีมูลค่า 3,263.17 ล้านเหรียญสหรัฐ

เป็นการส่งออกไปแอฟริกาใต้ 2,627.75 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องยนต์สันดาป ข้าว ยางรถยนต์ ยางขอบกระจกและประตู อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป เป็นต้น และไทยนำเข้าจากแอฟริกาใต้ 636.42 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้านำเข้าสำคัญ เช่น อะลูมิเนียมและเศษอะลูมิเนียม เคมีภัณฑ์ ทองคำ เพชร แพลตทินัม เยื่อกระดาษ เหล็กและเหล็กกล้า เป็นต้น

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

sme 720x90banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!