หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
DBS
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รัฐสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง...อาจกระทบการเจรจาการค้า
Trading Strategy
รัฐสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐหนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง...อาจกระทบการเจรจาการค้า
          รัฐสภาสหรัฐหนุนกลุ่มผู้ประท้วงในฮ่องกง เมื่อวานนี้ (20 พ.ย.62) สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายสนับสนุนกลุ่มผู้ประท้วงเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกง ประเด็นนี้อาจมีผลต่อความคืบหน้าในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และการลงนามในเฟสแรก  โดยสภาผู้แทนราษฎรมีมติ 417 ต่อ 1 ผ่านร่างกฎหมายดังกล่าว หลังวุฒิสภาสหรัฐมีมติสนับสนุนร่างนี้ในวันที่ 19 พ.ย.62 หลังจากนี้สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐจะส่งร่างกฎหมายให้ประธานธิบดีทรัมป์ลงนามต่อไป  
ทั้งนี้ร่างกฎหมาย "Hong Kong Human Rights and Democracy Act" ครอบคลุมถึงการกำหนดให้ทบทวนการให้สิทธิพิเศษทางการค้ากับฮ่องกง ภายใต้กฎหมายของสหรัฐ โดยการทบทวนดังกล่าวจะพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า ฮ่องกงได้รับอำนาจในการปกครองตนเองอย่างเพียงพอจากจีนหรือไม่
          ความเห็นเชิงกลยุทธ์ DBSVTH...มองว่าสหรัฐเดินเกมรุกหนักขึ้น และคาดว่าเป็นส่วนหนึ่งของการต่อรองกับจีนในประเด็นการค้า ทั้งนี้เรื่องการค้า&เศรษฐกิจ และการเมือง เป็นสิ่งที่พ่วงอยู่ด้วยกัน อย่างไรก็ตาม จีนเองก็มีจุดถ่วงดุลจากศักยภาพในการเติบโตได้ด้วยตนเอง เพราะมีทรัพยากรมาก มีกำลังซื้อภายในที่กำลังเติบโตจากจำนวนประชากรหลักพันล้านคน และกำลังพัฒนาเทคโนโลยีในด้านต่างๆอย่างเข้มข้น ไม่ว่าจะเป็นด้านสื่อสารโทรคมนาคม รถยนต์ไฟฟ้า เครื่องจักรและโรบอทที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม และอื่นๆ ซึ่งรวมถึงภาคบริการ & ท่องเที่ยวด้วย ดังนั้นการเจรจาการค้าและการเมืองระหว่างสหรัฐกับจีนน่าจะเป็นซีรีย์ยาวอีกหลายตอนจบ โดยขณะนี้กำลังอยู่ในเฟสแรกเท่านั้น
          นานาประเทศได้รับผลกระทบและต้องรีบปรับตัว ในระหว่างที่สหรัฐกับจีนเจรจาต่อรองและกดดันกันด้วยประเด็นการเมือง ก็ทำให้ประเทศอื่นที่ต้องพึ่งพาการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะถูกกระทบและต้องเร่งปรับตัวกันไปด้วย โครงสร้างและห่วงโซ่การผลิตของโลกจะเปลี่ยนแปลงไป ขณะที่การอุปโภคและบริโภคของประชากรโลกก็กำลังปรับเปลี่ยน ซึ่งไทยก็กำลังเผชิญเรื่องเหล่านี้ด้วยเช่นกัน
          ลดพอร์ตสินทรัพย์เสี่ยงสูง ด้านการลงทุนในหลักทรัพย์ (หุ้น) โดยหลักการแล้ว เราควรลดการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงในช่วงที่มีความไม่แน่นอนสูง ส่วนว่าจะลดสินทรัพย์เสี่ยงลงเหลือเท่าไรนั้นขึ้นกับอัตราการยอมรับความเสี่ยงของผู้ลงทุน ระยะเวลาในการลงทุน และสายป่านในการลงทุนของแต่ละคน
          การถือลงทุนยาวช่วยลดความเสี่ยงในผลขาดทุนได้ ทั้งนี้จากการศึกษาดัชนีตลาดหุ้นไทย เราพบว่าระยะเวลาลงทุนที่ยาว 5-7 ปีขึ้นไปจะช่วยลดความเสี่ยงในการขาดทุนได้ เพราะระยะเวลาดังกล่าวครอบคลุมทั้งในช่วงเวลาที่ดีและไม่ดีของการลงทุน สำหรับอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยของการลงทุนในหุ้นไทยระยะยาวเฉลี่ยอยู่ที่  11% ต่อปี (คิดจากการเปลี่ยนแปลงของ SET รอบละ 7 ปี ในช่วงปี 2544-2562 หรือประมาณ 18 ปีย้อนหลัง)
          ธีมและหุ้นที่อยู่ในเทรนด์ระยะยาว ซึ่งอยู่ในข่ายที่เรามองว่าสามารถทยอยซื้อสะสมเพื่อลงทุนระยะยาวในจังหวะราคาหุ้นอ่อนตัว ประกอบด้วย
          # ธีมสังคมสูงวัย (Aging Society) - หุ้นเด่นกลุ่มโรงพยาบาล คือ BDMS และ CHG
          # ธีมดิจิตอล (Digital Play) - หุ้นเด่นกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม คือ ADVANC, DIF หุ้นเด่นกลุ่มสื่อคือ VGI
          # ธีมโครงสร้างพื้นฐานและเมกะโปรเจคส์ (Infrastructure and Mega Project Play) - หุ้นเด่นกลุ่มนิคมฯ คือ AMATA, หุ้นเด่นกลุ่มระบบขนส่งมวลชน คือ BEM/BTS และหุ้นเด่นกลุ่มโครงสร้างพื้นฐาน คือ TFFIF
          # ธีมท่องเที่ยว (Tourism Play) - หุ้นเด่นกลุ่มสนามบิน คือ AOT หุ้นเด่นกลุ่มค้าปลีก คือ CPALL และหุ้นเด่นในกลุ่มโรงแรม คือ MINT
          # ธีมพลังงานทดแทน & รถยนต์ไฟฟ้า (Renewable Energy & EV) - หุ้นเด่น คือ EA, GPSC
          นักวิเคราะห์&กลยุทธ์: อาภาภรณ์ แสวงพรรค : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!