หมวดหมู่: พาณิชย์

1aaa วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์


ธุรกิจรอดูสถานการณ์โควิด-19 ฉุดบริษัทตั้งใหม่เดือนเม.ย.วูบเหลือ 3,996 ราย ลด 33%

    กรมพัฒนาธุรกิจการค้าเผยยอดจัดตั้งบริษัทใหม่เดือนเม.ย.63 มีจำนวนแค่ 3,996 ราย ลดลง 33% เหตุได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ทำผู้ประกอบการรอดูสถานการณ์ บางรายไม่สะดวกเดินทางไปจด แม้จะเพิ่มความสะดวกในการยื่นทางออนไลน์ แต่ก็ยังชะลอตัว ระบุภัตตาคารและร้านอาหาร ยอดลดเห็นได้ชัด จากการล็อกดาวน์ และนักท่องเที่ยวหดตัว

      นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่า การจดทะเบียนธุรกิจเดือนเม.ย.2563 มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 3,996 ราย ลดลง 34% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2563 ที่ผ่านมา ที่มีจำนวน 6,066 ราย และลดลง 33% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2562 ที่มีจำนวน 5,944 ราย โดยมีทุนจดทะเบียนมูลค่า 9,012 ล้านบาท ลดลง 40% และธุรกิจที่ตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก คือ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ

     ส่วนธุรกิจเลิกกิจการ มีจำนวน 817 ราย ลดลง 14% เมื่อเทียบกับเดือนมี.ค.2563 ที่มีจำนวน 947 ราย และลดลง 17% เมื่อเทียบกับเดือนเม.ย.2562 ที่มีจำนวน 985 ราย มีทุนจดทะเบียนลดลง 3,785 ล้านบาท ลดลง 1% และธุรกิจที่เลิกสูงสุด 3 อันดับ คือ ก่อสร้างอาคารทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ ภัตตาคารและร้านอาหาร

    สำหรับ ยอดรวมการจดทะเบียนตั้งใหม่ 4 เดือนของปี 2563 (ม.ค.-เม.ย.) มีจำนวน 23,411 ราย ลดลง 12% มีทุนจดทะเบียนตั้งใหม่รวม 80,142 ล้านบาท และเลิกกิจการรวม 3,986 ราย ลดลง 7% มีทุนจดทะเบียนเลิกรวม 18,240 ล้านบาท

    รายงานข่าวจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แจ้งว่า ปัจจัยที่ทำให้การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ลดลง มาจากผู้ประกอบการชะลอการลงทุนทำธุรกิจ เนื่องจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ต้องรอดูสถานการณ์ไปก่อน เพราะไม่แน่ใจว่าหากมีการลงทุนในช่วงนี้ ธุรกิจจะเติบโตได้หรือไม่ จากการที่เศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว ซึ่งจะเห็นได้จากธุรกิจที่จัดตั้งใหม่ ปกติอันดับที่ 3 จะเป็นภัตตาคารและร้านอาหาร แต่เดือนนี้ยอดหล่นลงไป เพราะคนไม่มั่นใจว่าตั้งขึ้นแล้ว จะขับเคลื่อนธุรกิจได้หรือไม่ โดยยังได้รับผลกระทบจากการให้มีการเว้นระยะห่างทางสังคม ซึ่งคนบริโภคอาหารในร้านลดลง และไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ทำให้ไม่มีกลุ่มลูกค้า 

      นอกจากนี้ ผู้ประกอบการยังชะลอการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่ เนื่องจากไม่สะดวกในการเดินทางไปจดทะเบียนที่สำนักงาน ทั้งในส่วนกลาง และส่วนภูมิภาค เพราะมีการขอความร่วมมือในการเว้นระยะห่าง และป้องกันการติดต่อกันของคน จากปกติ จะมีผู้ประกอบการส่วนหนึ่งที่เดินทางมายื่นจดที่สำนักงาน แต่ปัญหานี้ กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้พัฒนาระบบจดทะเบียนนิติบุคคลออนไลน์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจดทะเบียนนิติบุคคลเพิ่มขึ้น ซึ่งสามารถจองชื่อนิติบุคคลได้ทางออนไลน์ สามารถยืนยันตัวตนทางออนไลน์ ปรับระบบการกรอกข้อมูลให้ง่ายขึ้น เพิ่มรูปแบบการกรอกคำขอแบบง่ายสำหรับการจดตั้งใหม่และการแปรสภาพ และปรับปรุงระบบให้สามารถรองรับอำนาจกรรมการได้ทุกรูปแบบ และกำลังจะพัฒนาระบบให้ผู้แทนรับจดทะเบียน เช่น สำนักงานบัญชี สำนักงานกฎหมาย สามารถจัดทำและยื่นจดทะเบียนแทนผู้ที่เกี่ยวข้องกับนิติบุคคลได้ด้วย

 1aaaDธุรกิจรอดู

การจดทะเบียนธุรกิจประจำเดือนเมษายน 2563 กรมพัฒนาธุรกิจการค้า

     นายวุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า แถลงข่าวการจดทะเบียนธุรกิจของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ประจำเดือนเมษายน 2563 โดยมีรายละเอียด ดังนี้

ผลการจดทะเบียนธุรกิจ

ธุรกิจจัดตั้งใหม่เดือนเมษายน 2563

    - จำนวนธุรกิจจัดตั้งใหม่ มีผู้ประกอบธุรกิจยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทใหม่ทั่วประเทศในเดือนเมษายน 2563 จำนวน 3,996 ราย โดยมีมูลค่าทุนจดทะเบียนจำนวน 9,012 ล้านบาท

     - ประเภทธุรกิจจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 471 ราย คิดเป็นร้อยละ 12 รองลงมา คือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 169 ราย คิดเป็นร้อยละ 4 และอันดับ 3 คือ ธุรกิจให้คำปรึกษาด้านการจัดการ จำนวน 127 ราย คิดเป็นร้อยละ 3 ตามลำดับ

     - ธุรกิจจัดตั้งใหม่แบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจจัดตั้งใหม่ทั่วประเทศมากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท มีจำนวน 2,944 ราย คิดเป็นร้อยละ 73.67 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 980 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.53 ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท มีจำนวน 64 ราย คิดเป็นร้อยละ 1.60 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 8 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.20 ตามลำดับ

ธุรกิจเลิกประกอบกิจการเดือนเมษายน 2563

   - จำนวนธุรกิจเลิกประกอบกิจการ ประจำเดือนเมษายน 2563 มีจำนวน 817 ราย โดยมีมูลค่า ทุนจดทะเบียนจำนวน 3,785 ล้านบาท ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการเลิกกิจการในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

    - ประเภทธุรกิจเลิกประกอบกิจการสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป จำนวน 79 ราย คิดเป็นร้อยละ 10 รองลงมาคือ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ จำนวน 45 ราย คิดเป็นร้อยละ 6 และธุรกิจภัตตาคาร/ ร้านอาหาร จำนวน 37 ราย คิดเป็นร้อยละ 5 ตามลำดับ

    - ธุรกิจเลิกประกอบกิจการแบ่งตามช่วงทุน โดยช่วงทุนที่มีจำนวนรายธุรกิจเลิกประกอบกิจการทั่วประเทศ มากที่สุด ได้แก่ ช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 567 ราย คิดเป็นร้อยละ 69.40 รองลงมาช่วงทุนมากกว่า 1- 5 ล้านบาท จำนวน 209 ราย คิดเป็นร้อยละ 25.58 ลำดับถัดไป คือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 35 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.29 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท มีจำนวน 6 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.73 ตามลำดับ

ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ ณ เดือนเมษายน 2563

    - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่ทั้งสิ้น (ณ วันที่ 30 เม.ย. 63) ธุรกิจที่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวน765,345 ราย มูลค่าทุน 18.63 ล้านล้านบาท จำแนกเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล จำนวน 187,774 ราย คิดเป็นร้อยละ 24.53 บริษัทจำกัด จำนวน 576,306 ราย คิดเป็นร้อยละ 75.30 และบริษัทมหาชนจำกัด จำนวน 1,265 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.17 ตามลำดับ  

    - ธุรกิจดำเนินกิจการอยู่แบ่งตามช่วงทุน ธุรกิจส่วนใหญ่มีช่วงทุนไม่เกิน 1 ล้านบาท จำนวน 452,417 ราย คิดเป็นร้อยละ 59.11 รวมมูลค่าทุน 0.40 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 2.15 รองลงมา คือ ช่วงทุนมากกว่า 1-5 ล้านบาท จำนวน 225,422 ราย คิดเป็นร้อยละ 29.46 รวมมูลค่าทุน 0.74 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.97 ช่วงถัดไปคือ ช่วงทุนมากกว่า 5-100 ล้านบาท จำนวน 71,802 ราย คิดเป็นร้อยละ 9.38 รวมมูลค่าทุน 1.95 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10.47 และช่วงทุนมากกว่า 100 ล้านบาท จำนวน 15,704 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.05 รวมมูลค่าทุน 15.54 ล้านล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 83.41 ตามลำดับ

การลงทุนประกอบธุรกิจในไทยภายใต้กฎหมายต่างด้าว

เดือนเมษายน 2563

    - เดือนเมษายน 2563 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติประกอบธุรกิจทั้งสิ้น 55 ราย แบ่งเป็นใบอนุญาตประกอบธุรกิจ 26 ราย และหนังสือรับรองประกอบธุรกิจ 29 ราย โดยมีเม็ดเงินลงทุนทั้งสิ้น 6,252 ล้านบาท

    - นักลงทุนต่างชาติที่เข้ามาลงทุนในไทยมากที่สุด ได้แก่ ญี่ปุ่น จำนวน 17 ราย เงินลงทุน 2,456 ล้านบาท รองลงมา ได้แก่ ฮ่องกง จำนวน 8 ราย เงินลงทุน 1,648 ล้านบาท และสิงคโปร์ 11 ราย เงินลงทุน 1,138 ล้านบาท

*******************************

การให้บริการทางอิเล็กทรอนิกส์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเดือนเมษายน 2563

      กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลดิจิทัล และ พ.ร.บ. การอำนวยความสะดวก เพื่อลดต้นทุน ลดเวลา และลดการใช้กระดาษ โดยพัฒนางานบริการทุกกระบวนการของกรมผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ให้ผู้ใช้บริการยื่นขอรับบริการได้ทุกที่ ทุกเวลาได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว และประกาศกรมเรื่องการให้บริการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา

การบริการหนังสือรับรองข้อมูลนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์และผลักดันการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ 

       กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ยกระดับการเป็นหน่วยงานรัฐบาลดิจิทัล โดยการใช้ลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) มาให้บริการ ซึ่งการบริการ e-Service เป็นการบริการขอหนังสือรับรองผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ โดยขอรับข้อมูลได้ผ่านช่องทาง Walk in EMS Delivery และการออกหนังสือรับรองรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Certificate File) มีจำนวนการใช้บริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในเดือนเมษายน 2563 มีจำนวน 135,226 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนที่ผ่านมา 97,958 ราย ร้อยละ 263 โดยเฉพาะการบริการในรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์มีจำนวนการใช้บริการ 39,747 ราย เพิ่มขึ้นร้อยละ 101 จากเดือนที่ผ่านมา และรองรับการให้บริการสู่การบริการหนังสือรับรองการประกอบธุรกิจของชาวต่างชาติและสมาคมการค้า หนังสือรับรองภาษาอังกฤษ ทั้งนี้ การขอรับบริการทางอิเล็กทรอนิกส์ นอกจากผ่านทาง www.dbd.go.th แล้ว สามารถขอรับบริการผ่านทาง Application DBD e- Service ได้ทั้งระบบ Android และ IOS

      การให้บริการขอหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคล ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (ส่วนกลาง) และสำนักงานพัฒนาธุรกิจการค้า เขต 1-6 ให้ขอรับบริการได้เฉพาะทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Service) ผ่านเว็บไซต์กรมพัฒนาธุรกิจการค้า (www.dbd.go.th) เท่านั้น ตั้งแต่วันที่ 20 เมษายน 2563

       กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารออมสิน ปรับลดอัตราค่าบริการหนังสือรับรอง รับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ผ่านธนาคาร (e-Certificate) จากอัตราเดิม หนังสือรับรองนิติบุคคล ฉบับละ 150 บาท เป็น ฉบับละ 100 บาท รับรองสำเนาเอกสารทะเบียน งบการเงิน/บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น จาก 1-5 หน้าแรก 100 บาท หน้าถัดไปหน้าละ 20 บาท เป็น หน้าละ 20 บาท โดยไม่กำหนดอัตราเริ่มต้น โดยธนาคารกรุงไทย ปรับลดเป็นระยะเวลา 8 เดือน ตั้งแต่บัดนี้ถึง 31 สิงหาคม 2563 มีสาขาที่พร้อมให้บริการทั้งสิ้น 1,132 สาขาทั่วประเทศ และธนาคารออมสิน ปรับลดเป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่บัดนี้ถึง 30 มิถุนายน 2563 กว่า 1,070 สาขาทั่วประเทศ DBD e - Filing การนำส่งงบ

DBD e - Filing การนำส่งงบการเงินผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์

           การนำส่งงบการเงินของนิติบุคคลที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดปี 2562 ณ วันที่ 30 เมษายน 2563 มีนิติบุคคลนำส่งงบการเงินแล้ว จำนวน 108,488 ราย คิดเป็น 15% ของนิติบุคคลที่ต้องนำส่งงบการเงินโดยนำส่งผ่านทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) จำนวน 101,515 ราย คิดเป็น 94% และนำส่งในรูปแบบกระดาษ จำนวน 6,973 ราย คิดเป็น 6% ทั้งนี้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นสามารถนำส่งได้ ทุกที่ ทุกเวลา และสามารถตรวจสอบข้อมูลงบการเงินผ่าน DBD Data Warehouse และ DBD e - Service ผ่าน Application ได้อย่างรวดเร็ว

       จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือโรคโควิค 19 เพื่อให้การนำส่งงบการเงินและบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของนิติบุคคลเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ กรมฯ ได้มีมาตรการแก้ไขสถานการณ์การแพร่ระบาด ดังนี้

     - ให้บริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด สมาคมการค้า และหอการค้า รายใดที่ได้รับผลกระทบจาก การแพร่ระบาดของโรคโควิค 19 จนทำให้เกิดเหตุขัดข้องไม่สามารถจัดประชุมหรือจัดประชุมล่าช้าเกินกว่าระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด และเมื่อได้ดำเนินการจัดประชุมแล้ว ให้มีหนังสือชี้แจงเหตุผลยื่นต่อนายทะเบียนเป็นรายกรณีไป

    - ให้ขยายระยะเวลาการยื่นงบการเงินของผู้มีหน้าที่จัดทำบัญชีที่เป็นห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนนิติบุคคลที่ตั้งตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร ที่มีรอบปีบัญชีสิ้นสุดตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคม 2562 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2563 ให้ยื่นงบการเงินได้ภายในวันที่ 31 สิงหาคม 2563

     - ให้การยื่นงบการเงินของห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน บริษัทจำกัด และบริษัทมหาชนจำกัด นิติบุคคลที่ตั้งขึ้นตามกฎหมายต่างประเทศที่ประกอบธุรกิจในประเทศไทย และกิจการร่วมค้าตามประมวลรัษฎากร การยื่นสำเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทจำกัด บริษัทมหาชนจำกัด การยื่นสำเนารายงานประจำปี และสำเนารายงานการประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมหาชนจำกัด ผ่านทางระบบอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) เพียงช่องทางเดียว ทั้งนี้ กรมจึงขอประชาสัมพันธ์ให้นิติบุคคลเตรียมความพร้อมการดาว์นโหลดไฟล์ Excel บอจ.5เพื่อกรอกบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นและดาวน์โหลดไฟล์งบการเงิน Excel เวอร์ชั่น 2 เพื่อกรอกงบการเงินตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป โดยศึกษาวิธีการใช้งานได้ที่ www.dbd.go.th เลือก บริการออนไลน์ ระบบนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) โดยดาวน์โหลดวีดิทัศน์ไฟล์งบการเงิน Excel เวอร์ชั่น 2 และวิธีกรอกไฟล์ Excel บัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น เพื่อนำส่งได้อย่างถูกต้องครบถ้วน e-Certificate บริการระบบหนังสือ

e-Certificate บริการระบบหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร

      กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้ดำเนินการพัฒนาต่อยอดระบบการให้บริการหนังสือรับรอง และรับรองสำเนาเอกสารนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านธนาคาร (e-Certificate) ซึ่งเปิดให้บริการตั้งแต่ปี 2555 และผ่านการรับรองระบบพิมพ์ออกฯ จากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (สพธอ.) จึงเป็นนวัตกรรมที่สามารถบริการประชาชนได้อย่างทั่วถึง สะดวก รวดเร็วและมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามกฎหมายที่กำหนด ทำให้ภาคธุรกิจและประชาชนผู้สนใจสามารถติดต่อขอรับบริการ ณ สาขาธนาคารใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการได้รวมทั้งสิ้น 10 ธนาคาร จำนวน 3,837 สาขา

e-Secured จดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์

       กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้เปิดให้บริการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างครบวงจร ผ่าน Web Application และ Web Service แบบ Host to Host และชำระค่าธรรมเนียมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Payment) และออกใบเสร็จรับเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์ (e-Receipt) โดยเจ้าพนักงานทะเบียนลงลายมือชื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Digital Signature) รวมถึงสามารถตรวจค้นข้อมูลหลักประกันทางธุรกิจเบื้องต้นผ่านเว็บไซต์ www.dbd.go.th หรือผ่านระบบ mobile application (ios และ android) บนสมาร์ทโฟน โดยตั้งแต่ 4 กรกฎาคม 2559 จนถึงวันที่ 30 เมษายน 2563 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 516,989 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 8,160,330 ล้านบาท โดยมีการนำทรัพย์สินที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจและใช้ประกอบธุรกิจมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจได้โดยไม่ต้องส่งมอบทรัพย์สิน

      สำหรับเดือนเมษายน 2563 มีการจดทะเบียนสัญญาหลักประกันทางธุรกิจ จำนวน 6,736 คำขอ มูลค่าทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกัน จำนวน 161,873 ล้านบาท ทั้งนี้ทรัพย์สินที่นำมาเป็นหลักประกันทางธุรกิจมากที่สุด ได้แก่ สังหาริมทรัพย์ที่ใช้ในการประกอบธุรกิจ เช่น เครื่องจักร สินค้าคงคลัง คิดเป็น ร้อยละ 57.97 (มูลค่า 93,831 ล้านบาท) รองลงมาคือ สิทธิเรียกร้อง เช่น บัญชีเงินฝาก ลูกหนี้การค้า สิทธิการเช่า คิดเป็นร้อยละ 42.03 (มูลค่า 68,035 ล้านบาท) กิจการ มีการจดทะเบียน คิดเป็นร้อยละ 0.004 (มูลค่า 7 ล้านบาท) และ ไม้ยืนต้นเป็นประเภทไม้ยางพารา คิดเป็นร้อยละ 0.0001 (มูลค่า 86,000 บาท) และมีผู้รับหลักประกัน รวมจำนวนทั้งสิ้น 238 ราย

e-Registration การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์

       การจดทะเบียนนิติบุคคลทางอิเล็กทรอนิกส์ ตั้งแต่วันที่ 20 มีนาคม 2560 - 30 เมษายน 2563 มีการยืนยันการใช้งาน (Activate) จำนวน 57,992 ราย รับจดทะเบียน 25,472 ราย ซึ่งกรมได้มีการเตรียมการพัฒนาระบบให้อำนวยความสะดวกเพิ่มขึ้น ทั้งด้านการยืนยันตัวตนนิติบุคคลและการใช้ระบบงาน รวมถึงการเชื่อมโยงเพื่อสร้างความพร้อมในการดำเนินธุรกิจให้แก่ SME ทั้งด้านการเงินและซอฟแวร์ รวมทั้งการให้บริการสำเนาเอกสารทะเบียนนิติบุคคลรูปแบบไฟล์อิเล็กทรอนิกส์ของนิติบุคคลที่จดทะเบียนผ่านระบบ e-Registration

DBD Connect เชื่อมระบบบัญชีสู่การยื่นงบการเงินออนไลน์ (DBD e-Filing)

     กรมฯ ร่วมกับผู้ผลิตซอฟแวร์บัญชีชั้นนำของประเทศ จำนวน 16 ราย (20 โปรแกรม) พัฒนาการเชื่อมโยงซอฟต์แวร์บัญชีกับระบบการนำส่งงบการเงินทางอิเล็กทรอนิกส์ (DBD e-Filing) แบบอัตโนมัติ ผ่านระบบ DBD Connect อำนวยความสะดวกการจัดทำบัญชีและงบการเงินสำหรับนักบัญชีให้สามารถนำส่งงบการเงิน ในรูปแบบ XBRL ที่เชื่อมโยงข้อมูลทางบัญชีพร้อมนำส่งงบการเงินผ่าน DBD e-Filing ได้โดยตรง และไม่ต้องคีย์ข้อมูลงบการเงินซ้ำ

การบริหารจัดการธุรกิจแบบครบวงจร (Total Solution for SMEs) และ e-Accounting for SMEs

     Total Solution for SMEs เป็นการขับเคลื่อน SMEs ด้วยนวัตกรรม โดยส่งเสริมให้ธุรกิจเข้าถึงเทคโนโลยีในการบริหารจัดการธุรกิจที่ครบวงจรได้โดยง่าย เปลี่ยน Traditional SMEs เป็น Smart SMEs ซึ่งกรมได้รวบรวมโปรแกรมด้านการบริหารจัดการทั้ง 3 ภาคส่วนไว้ด้วยกันคือ โปรแกรมสำนักงาน (Office) โปรแกรมหน้าร้าน (POS) โปรแกรมบัญชี online (Cloud Accounting) ปัจจุบันมีซอฟต์แวร์ที่เข้าร่วมโครงการรวมทั้งสิ้น 25 โปรแกรม

     นอกจากนี้ กรมฯ ยังได้แจกฟรี โปรแกรม e-Accounting for SMEs ซึ่งเป็นโปรแกรมหน้าร้าน (POS) ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการค้าขาย เช่น มี Scanner เพื่อซื้อขายสินค้าในตัว , มีฐานข้อมูลของสินค้ามากกว่า 10,000 รายการ เป็นต้น โดยร้านค้าสามารถสมัครขอใช้งานโปรแกรม e-Accounting for SMEs ได้ผ่านทางโครงการ Total Solution for SMEs หรือดาวน์โหลดได้ที่ Google Play Store ในระบบ

Android DBD Data Warehouse

     กรมได้พัฒนาระบบสารสนเทศให้มีความสมบูรณ์หลากหลาย และสามารถจัดทำผลวิเคราะห์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลธุรกิจ ประกอบด้วยข้อมูลนิติบุคคล ข้อมูลและวิเคราะห์งบการเงิน ข้อมูลซัพพลายเออร์ลูกค้า คู่ค้าทางธุรกิจ ข้อมูลโอกาสทางธุรกิจ ข้อมูลการลงทุนจากต่างชาติในนิติบุคคลไทย รวมทั้งข้อมูลสถิติการจดทะเบียนนิติบุคคล ซึ่งจะเป็นการเพิ่มโอกาสให้ SMEs สามารถเข้าถึงแหล่งข้อมูล พร้อมทั้งนำข้อมูลธุรกิจไปสนับสนุนการตัดสินใจในการประกอบธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและรวดเร็ว โดยในปี 2563 (ม.ค. - เม.ย.) มีจำนวนผู้ใช้บริการทั้งสิ้นจำนวน 2,680,016 ครั้ง

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!