หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 1-6-2020May
กลยุทธ์การลงทุนรายวัน
วันศุกร์ที่ผ่านมา SET แกว่งผันผวน ตามแรงเก็งกำไรของหุ้นที่ MSCI มีการปรับเข้า-ออก และ เพิ่ม-ลดน้ำหนัก ส่งผลให้ราคาปิดของหุ้นบางตัวเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมาก ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,342.85 (+5.34 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 9.6 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.6 หมื่นล้านบาท)  
โดยนักลงทุนต่างชาติ ซื้อหุ้นไทย 5,504 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 760 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 10,165 สัญญา)
BEM (ราคาเป้าหมาย 13.0 บาท) คาดได้อานิสงส์เชิงบวกจากการผ่อนคลาย Lockdown โดยตัวเลขการใช้ทางด่วนปัจจุบันเร่งตัวขึ้นสู่ระดับ 9 แสนคันต่อวัน (ต่ำกว่าระดับปกติเพียง 20%) และยอดการโดยสารรถไฟฟ้าขยับขึ้นสู่ระดับ 1.5 แสนเที่ยวต่อวัน (ต่ำกว่าระดับปกติ 50%)
น้ำมันดิบยังมีลุ้นแกว่งขึ้นท่ามกลางประท้วงสหรัฐฯที่รุนแรง: สัปดาห์นี้มีหลายหลายปัจจัยที่คาดจะมีผลกระทบทั้งเชิงบวกและลบต่อราคาน้ำมันดิบโลก โดยทางด้านอุปสงค์คาดได้แรงหนุนจากการผ่อนคลาย Lockdown ทั่วโลกส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจกลับมาเปิดทำการอีกครั้ง และปริมาณการใช้ยานพาหนะก็ปรับตัวสูงขึ้น แต่อย่างไรก็ดีปัจจัยด้านอุปสงค์อาจมีประเด็นถ่วงจากการประท้วงในสหรัฐฯที่เริ่มบานปลายมากขึ้นหลังกระแสการต่อต้านการเหยียดสีผิวถูกจุดปะทุขึ้นมากอีกครั้ง โดยการบริโภคน้ำมันของสหรัฐฯคิดเป็น 20% ของการบริโภคทั่วโลก ส่วนทางด้านอุปทาน มีโอกาสเป็นแรงหนุนเนื่องจากล่าสุด มีการเสนอให้การประชุม OPEC+ เร่งขึ้นมาจัดในวันที่ 4 มิ.ย. จากกำหนดการเดิมคือ 9-10 มิ.ย. และการประชุมในรอบนี้ คาดจะเสนอขยายระยะเวลาในการปรับลดกำลังการผลิต 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน จากเดิมที่สิ้นสุดเดือน มิ.ย. เป็นสิ้นสุด ก.ย. หรือ ธ.ค. นี้ (มติเดิมในช่วงเดือน ก.ค.-ธ.ค. 63 กลุ่ม OPEC+ จะลดกำลังการผลิตเหลือเพียง 7.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน) โดยสรุปด้วยปัจจัยผสมผสานทั้งด้านอุปสงค์และอุปทาน เราคาดว่ามีโอกาสที่จะเพิ่มแรงเก็งกำไรต่อราคาน้ำมันดิบโลกแกว่งตัวสูงขึ้น   
Investment Strategy : วันนี้คาด SET แกว่งขึ้น ในกรอบแนวรับ 1,323 ต้าน 1,360 จุด เน้นหุ้นอิงการปลด Lockdown และกลุ่ม earnings play โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “BEM, PTTGC, TASCO”
SET Index : หากขึ้นผ่าน 1342 จุด มีโอกาสขึ้นต่ออีกระลอก
SET Index  ปิดที่ระดับ 1342.85 จุด (+5.34 จุด)
• ดัชนีขึ้นปิดที่ระดับ High ของวัน
• โดยแท่งเทียนฟอร์มตัวรูปแบบ Morning Star 
• วันนี้หากขึ้นผ่าน 1342 จุด จะเป็นสัญญาณการขึ้นต่ออีกระลอก
กลยุทธ์การลงทุน
มีหุ้น : ทยอยทำกำไรหลังเข้าใกล้บริเวณแนวต้าน 1360 จุด รอสะสมเพิ่มอีกครั้งที่บริเวณ 1300 จุด
ไม่มีหุ้น : ซื้อตามโมเมนตัมระยะสั้น เพื่อรอเมื่อดัชนีเข้าใกล้ 1360 จุด ตัดขาดทุนหากหลุด 1323 จุด
'โรงหนัง-SPA'วิ่งรับเฟส 3 MAJOR ยันพร้อมทุกด้าน (ข่าวหุ้น)
SPA : ความเห็น  โรงหนังกลับมาเปิดได้เร็วกว่าที่เราคาด ซึ่งอาจทำให้ผลประกอบการ MAJOR ดีกว่าที่คาดการณ์ อย่างไรก็ดี คาดว่าจำนวนคนดูยังค่อนข้างน้อย และต้องติดตามว่ามีหนังอะไรเข้าฉายโดยเฉพาะหนังฮอลิวูดฟอร์มใหญ่ซึ่งขึ้นอยู่กับการเข้าฉายในอเมริกาด้วย แนะนำ ถือ เป้าหมาย 13.80 บาท
MAJOR : ความเห็น เป็นไปตามที่คาดไว้ว่า SPA จะได้รับอนุญาตให้กลับมาให้บริการในรอบนี้ เราคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร 7.80 บาท อย่างไรก็ดีวันนี้จะมีหุ้น stock dividend จำนวน 284.9 ล้านหุ้น (จากการจัดสรร 2:1) เข้ามาซื้อขายวันแรก ทำให้อาจมีความผันผวนบ้างระหว่างวัน
AH รับรายได้ปี 63 วูบ 40% มองฟื้นตัวช่วงไตรมาส 3/63 (ทันหุ้น)
ความเห็น : อุตสาหกรรมรถยนต์ใน 2Q63 และ ปี 2563 ถูกกระทบอย่างหนักจากการแพร่ระบาดของ Covid-19 โดยเฉพาะในไตรมาส 2Q63 คาดจะขาดทุน  AH พยายามพยุงฐานะ ลดต้นทุน และ ลดค่าใช้จ่าย  ราคาหุ้นปัจจุบันซื้อขายต่ำกว่ามูลค่าตามบัญชีต่อหุ้น 24.3 บาท  คงแนะนำ ถือ ประเมินเป้าหมาย 11 บาท
SCGP ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง เดินหน้าขาย IPO เข้า SET (ทันหุ้น)
ความเห็น : ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบคำขอ IPO หุ้น SCGP โดยมีกรอบเวลาภายใน 6 เดือนนับจาก กลต. อนุมัติ และ สามารถขยายเวลาได้อีก 6 เดือน  การ IPO ธุรกิจแพคเกจจิ้ง SCGP ซึ่งมีศักยภาพเติบโตสูง จะช่วยปลดล็อกข้อจำกัด สามารถระดมทุนได้เอง ช่วยให้มีการเติบโตโดดเด่นมากขึ้น  จะช่วยเพิ่มมูลค่าต่อ SCC ประมาณ 11-19 บาทต่อหุ้น  เราคงแนะนำ ซื้อลงทุนสำหรับ SCC เป้าหมาย 380 บาท
Thanachart Capital (TCAP TB)
“ถือ” เพื่อรับเงินปันผล
ลดคาดการณ์กำไร ราคาเป้าหมายลดเหลือ 36 บาท
เราปรับลดประมาณการกำไรปี 2563-64 ลง 10-36% หลังจากพิจารณาผลกระทบเชิงลบจาก Covid-19 จากการถือหุ้นหลักใน TMB (ถือ ราคาเป้าหมาย 1 บาท), THANI (ไม่มีคำแนะนำ) และ MBK (ไม่มีคำแนะนำ) ซึ่งคิดเป็น 75% ของกำไรของ TCAP เราคงคำแนะนำ ถือ และลดราคาเป้าหมายเป็น 36 บาทจาก 50 บาทคำนวณด้วยวิธี SOTP เรามองว่า TCAP เป็นบริษัทโฮลดิ้งทางการเงินที่ให้อัตราเงินปันผลตอบแทน 8.2% ต่อปี
จ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 3 บาท/หุ้น 
เรามีมุมมองเป็นกลางต่อการประชุมผ่านวิดีโอเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดย TCAP วางแผนที่จะอัดฉีดเงิน 1 พันล้านบาทจากการเพิ่มทุนของ THANI เพื่อเสริมฐานเงินทุนของ THANI ผู้บริหารวางแผนที่จะคงอัตราจ่ายเงินปันผลที่ 3 บาทต่อหุ้น เนื่องจากมีเงินสดในมือสูง เราคาดว่า ROE จะอยู่ที่ 11.3% และคาดว่ากำไรต่อหุ้นจะลดลง 24-29% ในปี 63-64 สำหรับผลประกอบการปี 63 คาด 2.9 พันล้านบาทจะมาจากกำไรจากการขายอายิโนะโมะโต๊ะ ส่วนแบ่งกำไรจาก TMB อีก 2.3 พันล้านบาทและส่วนที่เหลือจากบริษัทย่อย
เงินสดในมือสูง ไว้สำรวจโอกาสใหม่ๆ ได้อีกเพียบ 
TCAP มีเงินสด 1.5 หมื่นล้านบาทหลังจากจ่ายเงินปันผลพิเศษ (4.5 พันล้านบาท) ซื้อหุ้นคืน 4.9 พันล้านบาท (ประมาณ 97 ล้านหุ้นหรือ 8.3% ของทุนที่ชำระแล้ว) และเงินสดรับจากการขายอายิโนะโมะโต๊ะ 6.4 พันล้านบาท ผู้บริหารมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจติดตามเร่งรัดหนี้ผู้บริโภคที่ไม่มีหลักประกัน แต่ยังไม่มีเป้าหมายทางการเงินเนื่องจากยังคงมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อจัดการ NPL รายย่อย  
เตรียมเพิ่มความเสี่ยงใน TMB และลดการลงทุนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก
TCAP วางแผนที่จะซื้อหุ้น TMB ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บริษัทจะถือหุ้นของธนาคารทหารไทยในสัดส่วนไม่เกิน 22.9% ตามที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยเทียบกับสัดส่วนการถือหุ้นปัจจุบันที่ 20.1% เราเชื่อว่า TCAP อาจเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นเป็น 65% ในธานีจาก 57.5% ในขณะนี้ สำหรับการลงทุนที่ไม่ใช่ธุรกิจหลัก ผู้บริหารวางแผนที่จะขาย TSAMC และ Seacon หลังจากขายกิจการ Ajinomoto ไปในปีนี้
ผลประกอบการแข็งแกร่งหนุนโดยกำไรจากการลงทุนใน 1Q20
TCAP รายงานกำไรสุทธิ 4.3 พันล้านบาทในไตรมาส 1Q20 เพิ่มขึ้น 114% YoY จากกำไรจากการขาย AJINOMOTO (ไม่ได้จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์) ที่ 3.7 พันล้านบาท เราไม่สามารถเปรียบเทียบกำไรรายไตรมาส QoQ เนื่องจากงบการเงินของบริษัทได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อแสดงการดำเนินงานที่ยกเลิกของธนาคารธนชาต
ประเด็นทางการเงินที่สำคัญ:
ตามประมาณการของเรา กำไรหลักอยู่ที่ 1.46 พันล้านบาทในไตรมาส 1Q20 หากไม่รวมกำไรหลังหักภาษีจากการขายธนาคารธนชาตจำนวน 2.9 พันล้านบาท
งบการเงินของ TCAP สะท้อนถึงการดำเนินงานธุรกิจหลักทรัพย์และประกันภัยและผลประกอบการของ THANI (ไม่มีคำแนะนำ) และส่วนแบ่งกำไรจาก TMB (ถือ ราคาเป้าหมาย 1 บาท) และ MBK (ไม่มีคำแนะนำ)
ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเพิ่มขึ้นเป็น 954 ล้านบาท หนุนโดย TMB และ MBK

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!