หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
BLS
บล.บัวหลวง : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 
ภาพตลาดและแนวโน้ม
ให้น้ำหนัก จอดพักเป็นสถานีสุดท้ายแถว 1,627 (Error จาก 1,640 เล็กน้อย)
          วันนี้ คาดดัชนีฯเดินทางมาถึงสถานีปลายทาง (?) แต่จะสุดทางหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ Risk appetite ในตลาด ไม่ได้เกี่ยวกับ ความถูกแพงของหุ้น เพราะเราไม่ได้เห็น การปรับกำไร บจ. หรือเศรษฐกิจในประเทศลง ตรงกันข้ามพื้นฐานเศรษฐกิจในประเทศมีการปรับขึ้นด้วยซ้ำ 
          เรามองว่า หุ้นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศที่ลงแรง จะฟนตัวจากบริเวณนี้ ก่อน กลุ่มหุ้นที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก กลยุทธ์แนะ กระชับพอร์ตหุ้นใหญ่เชื่อมโยงเศรษฐกิจโลก (เหมือนเดิม) และ จังหวะนี้ต้องหันมา "เริ่มซื้อ (โปรดฟังอีกครั้ง เริ่มซื้อ)" หุ้นกลาง เล็ก ที่เชื่อมโยงกับเศรษฐกิจในประเทศ
          ส่วน timing การฟนตัว "ระยะสั้น" อาจจะเริ่มลุ้นได้ช่วงวันพฤหัส หรือ อย่างช้าวันศุกร์นี้ โดยตลาดหุ้นโลกไทย จะกลับมา เล่นด้วยเรื่อง Window dressing เมื่อตลาดหยุดลง จะหนุนความเชื่อมั่นให้กลับมาเองโดยอัตโนมัติ (แต่การรีบาวด์จะไม่ไกล เพราะยังต้องอาศัย จุดเปลี่ยนเกม ซึ่งน่าจะอยู่ที่ พัฒนาการด้านการค้าโลก ที่จะหยุดความกังวลต่อความเสี่ยงการปรับลด GDP)               
What to watch :
(+) บรรยากาศการเมืองไทยมีพัฒนาการที่ดี : นายก เผยอยู่ระหว่างเตรียม พระราชพิธีบรมราชาภิเษก ส่วนการเลือกตั้งจะจัดหลังงานพราชพิธีฯ / สหรัฐฯถอนตัวออกจาก คกก.สิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ หรือ UNHRC  United Nations Human Rights Council ระบุ UNHRC มีอคติทางการเมือง / คณะนายก โรดโชว์ลงทุนไทย ที่ยุโรป เป็นการตอกย้ำการยอมรับไทยในเวทีสากล
(+) ประชุม กนง. วันนี้ คาดคงดอกเบี้ย 1.5% พร้อมทั้งส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยในประเทศต่อไปถึงปลายปีนี้
(-) "สงครามการค้า" เริ่มมีผลต่อเศรษฐกิจโลก ล่าสุด MS เตือน GDP โลกจะกระทบราว 0.2% จากมาตรการภาษี สหรัฐฯ-จีน ซึ่งนับเฉพาะแค่รอบแรก และมองว่าขั้นตอนเจรจาจะไม่เกิดขึ้นในเร็วๆนี้ เร็วสุดมองเริ่มไกล่เกลี่ยอีก 2 เดือนข้างหน้า ยิ่งถ้าหลังวันที่ 6 ก.ค.ไปแล้ว มีการออกมาตรการตอบโต้การค้าเพิ่มเติม ผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก จะรุนแรงขึ้น และ ยังไม่สามารถประเมินความเสี่ยงต่อการถดถอยของเศรษฐกิจได้      
(-) ประชุม OPEC 22-23 มิ.ย. คาดว่าจะมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิต เนื่องจากตอนนี้กำลังการผลิตของ OPEC และรัสเซีย ลดลงมาจนแตะต่ำกว่าระดับข้อตกลงที่ 1.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน      
หุ้นแนะนำวันนี้
          หุ้นเด่นเชื่อมโยงเศรษฐกิจในประเทศ ที่มีปัจจัยหนุนราคาหุ้นช่วงนี้ BTS ASAP HUMAN COM7 
รายงานวันนี้     
Automotive : Local car sales rose 28% YoY in May
          สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) รายงานตัวเลขผลิตรถยนต์ในเดือน พ.ค. 193,130 คัน เพิ่มขึ้น 14%YoY และเพิ่มขึ้น 43%MoM อุปสงค์ในประเทศยังคงแข็งแรง โดยยอดขายรถยนต์ในประเทศเพิ่มขึ้นถึง 28%YoY เป็น 74,965 คัน ขณะที่ยอดส่งออกเติบโต 9.8%YoY เป็น 98,875 คัน เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน เรามองว่าคาดการณ์ของ FTI ที่ยอดผลิต 2.0 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 0.5%YoY มีโอกาสปรับขึ้นได้ เพราะตัวเลข 5 เดือนแรก เติบโตไปแล้วถึง 12%YoY จากตัวเลขที่แข็งแกร่ง เราคาดผู้ผลิตชิ้นส่วน (AH, PCSGH, STANLY, and SAT) จะรายงานกำไร 2Q18 แข็งแกร่ง เราคง OVERWEIGHT กลุ่มฯ และเลือก AH เป็น top pick
Transportation (Ground) : Entering high season; huge scope for upside from infrastructure projects
          High season ของการขนส่งภาคพื้นดินกำลังจะเข้ามาใน 3Q-4Q นี้ ทั้งทางด่วน และรถไฟฟา จะมีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้น QoQ คาด BTS และ BEM จะมีกำไรหลักที่สูงขึ้น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยหนุนจากการประมูลโครงการขนส่งภาครัฐ เช่น รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน โครงการ O&M มอเตอร์เวย์ และรถไฟฟาสายสีม่วงใต้ และส้มตะวันตก เป็นต้น เราชอบ BTS มากที่สุก แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 11.70 บาท
MAJOR : Dinosaur devouring
          ยอด Box office เดือน เม.ย.-พ.ค. ปรับตัวได้ค่อนข้างดี +6% YoY เราคาดยอดเดือนมิ.ย. จะทรงตัว YoY แม้ปีที่แล้วจะมีหนังที่ทำรายได้เกิน 100 ล้านบาทกว่า 3 เรื่อง แต่ปีนี้มี Jurassic World ซึ่งภาคก่อนทำรายได้ไปกว่า 300-400 ล้านบาท โดยรวมเรามองยอด Box office 2Q18 ปรับตัวได้ 3% YoY และคาดยอดขายตั๋วหนังของ MAJOR ปรับตัวขึ้น 4% YoY และ 65% QoQ และคาดโมเมนตัมจะดีต่อเนื่องใน 3Q18 เรายังคงคำแนะนำ ซื้อเก็งกำไร
หุ้นมีข่าว/ประเด็น
(*) GPSC  ประกาศราคาตั้งโต๊ะรับซื้อ GLOW ที่ 96.5 บ. (ที่มา ตลท.)
(-) รมว.คลัง ปัดข่าว เลื่อนใช้ภาษีที่ดิน ระบุขึ้นกับกมธ. นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีมีข่าวเลื่อนการออกกฏหมายภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างไปเป็นปี 63 ว่า ได้สอบถามข้อเท็จจริงจากนายวิสุทธิ์ ศรีสุพรรณ รมช.คลัง ซึ่งเป็นประธานกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างแล้ว ได้รับการชี้แจงว่าไม่ได้มีการพูดถึงกำหนดเวลาที่จะเลื่อนออกไปตามที่มีข่าว แต่การผลักดันขึ้นอยู่กับกรรมาธิการฯ โดยจะมีผลกระทบรายได้ขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (ที่มา ASPEN อินโฟเควสท์)
(+) หุ้นเข้า SET50 รอบใหม่ : BGRIM GLOW BLA DELTA KTC TOA RATCH
(-) หุ้น ออก SET50 : BCP KCE PSH SAWAD TPIPP WHA (ที่มา ตลท.)
(*) SCB  แจ้งตลาด ปฏิเสธข่าวใน นสพ.โพสต์ทูเดย์ เรื่อง คุณวิชิต สุรพงษ์ชัย ลาออกจาก ประธานฯ-ไม่เป็นความจริง (ที่มา ตลท.)
(*) DTAC  แต่งตั้ง อเล็กซานดรา ไรช์ เป็น CEO แทน ลาร์ส โอเคะ วัลเดอมาร์ นอร์ลิ่ง ที่ลาออก มีผล 1 ก.ย. 61 (ที่มา ตลท.)
(+) HUMAN  บลจ.บัวหลวงเก็บหุ้นเข้าพอร์ตอีก 6.57% ถือเพิ่มเป็น 13.2% (ที่มา กลต.)
ปัจจัยที่มีผลต่อตลาด   
Trade Tensions : Stakes Have Risen
          จากการประกาศเก็บภาษีสินค้าจีน 1100 รายการ โดยสินค้าล็อคแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า US$3.4 หมื่นล้าน จะโดนเรียกเก็บก่อนในวันที่ 6 กค.นี้ ส่วนทางการจีน จะเรียกเก็บภาษีสินค้า 545 รายการ คิดเป็นมูลค่า US$ 3.4 หมื่นล้าน เริ่ม 6 ก.ค.นี้ เช่นกัน ส่วนล็อตต่อไปจะมีการประกาศอีกครั้ง
          MS มองผลกระทบในระดับ Direct impact ต่อ Global trade ราว US$ 1.81 แสนล้าน หรือประมาณ 1% ของ Global trade และ กระทบ GDP โลกราว 0.2%
          ผลกระทบต่อ GDP สหรัฐฯปี 2018-18 ราว 0.1ppt. และถ้าเก็บภาษีจีนขึ้นไปถึงระดับ US$1 แสนล้าน จะกระทบ GDP จีนราว 0.4 ppt. จากส่งออกจีนที่ลดลงไป 2.4ppt.
แต่ความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจจะยังลุกลามกระทบต่อเศรษฐกิจได้อีก จาก Indirect impact...
          1) ประเทศคู่ค้าที่ผลิตชิ้นส่วนและสินค้า จะสูญเสียรายได้ ตามความต้องการสินค้าที่ลดลง เช่นกรณี รถยนต์จากสหรัฐฯส่วนใหญ่ประกอบในเม็กซิโก ถ้าจีนจำกัดการนำเข้าจะกระทบเศรษฐกิจเม็กซิโกไปด้วย
          2) กระทบต่อบริษัทฯร่วม จากการศึกษาพบ 60% ของสินค้าจีนที่ส่งออกไปสหรัฐฯ ผลิตจากบริษัทฯร่วมที่จีนผลิตจากประเทศในแถบเอเชีย เข่น เกาหลีใต้ ญี่ปุน
          3) ชิ้นส่วน High value added ที่ผลิตจากผู้ผลิตในประเทศพัฒนาแล้ว เช่น Telecom ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ มีการส่งออกไปประกอบในจีนก่อนส่งขายสหรัฐฯ
          4) ผู้ประกอบการในสหรัฐฯเอง จะได้รับผลกระทบจากสินค้าทุน และสินค้าอุสาหกรรม ที่ส่วนใหญ่นำเข้าจากจีน จะโดนภาษีทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
ส่วนแนวทางที่ MS คาดว่าจะเกิดขึ้นจากนี้ไป คือ
          1) เกิดการเจรจาตกลงกันได้ก่อนวันที่ 6 กค. ซึ่งพัฒนาการที่มีมาถึงตรงนี้บอกได้เลยว่ามีโอกาสเกิดต่ำมาก
          2) จีน-สหรัฐฯ สงวนท่าทีไม่ออกมาตรการตอบโต้เพิ่มเติม แล้วใช้เวลา เจรจาไกล่เกลี่ย ในอีก 2 เดือนข้างหน้า และได้ข้อตกลงที่ยอมรับได้จากทั้ง 2 ฝาย (MS มองมีความเป็นได้มากที่สุด แต่ต้องใช้เวลาสักหน่อย)
          3) มีการประกาศมาตรการภาษีตอบโต้กันเพิ่มเติมหลังวันที่ 6 กค. รวมถึงชาติอื่นๆตอบโตสหรัฐฯด้วย คาดว่าจะกระทบต่อ ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ การลงทุน และการเจรจาถึงจะตกลงกันได้แต่ก็สายเกินจะแก้ไข
         
วิกิจ ถิรวรรณรัตน์ Tel. (662) 618-1336
นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน/ปัจจัยทางเทคนิค
ธนัท พจน์เกษมสิน,นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านหลักทรัพย์
นภนต์ ใจแสน, นักวิเคราะห์การลงทุนปัจจัยพื้นฐานด้านตลาดทุน
OO10282

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!