หมวดหมู่: บทวิเคราะห์
DBS
บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส : รายงานภาวะตลาดหุ้นรายวัน 

“ข่าวลบ...ทรัมป์จะเก็บภาษีจีนเพิ่มอีก 2 แสนล้านUS$”
• หุ้นที่เปลี่ยนคำแนะนำทางปัจจัยพื้นฐานวันนี้ : ANAN (จาก Fully Valued เป็นซื้อ)
  ภาวะตลาดและปัจจัย : ตลาดวานนี้ – SET Index ปรับลงลึกถึง 25.14 จุด ปิดที่ 1679.68 จุด สอดคล้องกับตลาดหุ้นในภูมิภาค มูลค่าซื้อขายที่ 51.9 พันล้านบาท นับว่าดัชนีฯลงมาต่ำกว่า 1700 แล้ว SET ได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบคือ สงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน ที่มีความชัดเจนแล้ว และราคาน้ำมันที่ปรับลงแรงหลังกลับมามีคาดการณ์ว่าโอเป็กจะปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันในการะประชุม 22 มิ.ย.61 นี้ กระทบหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ดอลลาร์แข็งค่า บาทอ่อนค่ามาก เงินไหลออก มีแรงขายกระจายไปในกลุ่มหลัก ด้านผู้ขายสุทธิคือ ต่างประเทศสูงถึง 2.8 พันลบ. สถาบัน 1.7 พันลบ. และบัญชีหลักทรัพย์ 0.4 พันลบ. ด้านผู้ซื้อสุทธิคือ รายย่อย 4.9 พันลบ.
  แนวโน้มและกลยุทธ์– ความจริง SET ควรจะมีการรีบาวด์ได้บ้าง แต่มีปัจจัยลบใหม่เกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน เพิ่มอีกคือ สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีเพิ่มอีกที่อัตรา 10% ในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ฯ หากจีนยังจะตอบโต้เก็บภาษีนำเข้าสหรัฐ และราคาน้ำมันที่ยังผันผวนหนัก หลังกลับมามีคาดการณ์ว่าโอเป็กจะปรับเพิ่มเพดานการผลิตน้ำมันในการะประชุม 22 มิ.ย.61 นี้ กระทบหุ้นกลุ่มพลังงาน-ปิโตรเคมี ซ้ำเติมกับผลการประชุมเฟดปีนี้จะปรับขึ้นทั้งหมด 4 ครั้ง แต่ถ้อยแถลงออกมาในเชิงเศรษฐกิจร้อนแรง คือ เฟดปรับขึ้นอัตราการเติบโตเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอีก ส่วน BOJ เป็นกลางคือ คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายตามคาด ปัจจัยบวกยังเป็นการเลือกตั้งไทยยังเป็นไปตามโรดแม็ป กลุ่มธนาคารเรื่องดอกเบี้ยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น นับว่าปัจจัยต่างประเทศเป็นลบนำปัจจัยในประเทศ ในเรื่องกังวลเฟดขึ้นดอกเบี้ยต่อไป ดอลลาร์แข็งค่า เงินไหลออกจาก SET และสงครามการค้า ส่วนปัจจัยในประเทศเป็นบวกเรื่องเศรษฐกิจไทยยังดี แต่เริ่มกังวลไทยจะได้รับผลกระทบสงครามการค้า เพราะเราเหมือนเป็นห่วงโซ่ผู้รับจ้างผลิตและส่งออก จึงอาจได้รับผลลบ สำหรับการประชุมต่างๆ สัปดาห์นี้มีเรื่องที่ต้องติดตามคือ ประชุมโอเปก 22 มิ.ย.61 ตลาดหุ้นเพื่อนบ้านเช้านี้ส่วนใหญ่ลบ ส่วนดาวโจนส์ล่วงหน้า -143 จุด กลยุทธ์ในสัปดาห์นี้ ยังคงเน้นหุ้นรายตัว (Selective Buy) ที่มีพื้นฐานดีและมีประเด็นที่น่าสนใจในระยะนี้ หุ้นส่งออกได้ประโยชน์จากบาทอ่อน การประกาศ SET 50 SET 100 วานนี้แล้ว ก็จะมีผลบวกกับหุ้นนำเข้า แต่เป็นลบหุ้นออก นักลงทุนระยะสั้นควรเล่นรอบสั้นๆ ระยะกลาง-ยาวควรตั้งเป้าผลตอบแทนที่เป็นรูปธรรม และทยอยขายทำกำไรเมื่อได้ตามเป้าหมาย ล็อคกำไร ลดความเสี่ยง ระยะนี้คาดว่า SET จะซื้อขายอยู่ในกรอบเป็น 1690-1730 จุด
  Update หุ้นเด่น : ANAN วานนี้บริษัทแจ้งตลาดได้เริ่มโอนคอนโด แอชตัน อโศกได้แล้ว โครงการนี้ทำในนามบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรญี่ปุ่นคือกลุ่มบริษัทมิตซุย ฟุโดซัง มูลค่าโครงการสูงถึง 6.7 พันล้านบาท ผลดีคือ คลายความกังวล ปรับประมาณการปีนี้และปี 62 ดีขึ้นจากการนี้ในอัตรา 28%/7% ตามลำดับ ยังผลให้อัตราการเติบโตกำไรหลักเทียบ y-o-y ก้าวกระโดดเป็น 76%/26% ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น ซื้อ จากเดิม FV ราคาพื้นฐานใหม่ที่ 5.30 บาท (P/E 8.5 เท่า) ด้วยสมมุติฐานการโอนปีนี้ 85% แต่หากปีนี้โอนได้หมด 100% ราคาพื้นฐานจะขยับขึ้นเป็น 5.70 บาท
  การวิเคราะห์ทางเทคนิค : ระยะสั้น Candlestick & Indicators เป็นบวกเล็กๆ แต่ความน่าจะเป็นของตลาดฯระยะกลางมีน้ำหนักเป็นการลง ตามโครงสร้าง อาจมีรีบาวด์สั้นๆก่อนจึงปรับลง ซื้อเน้นค่าบวก แนวต้านระยะสั้นอยู่ที่ 1715-1720, 1725 โดยมีแนวรับ 1690-1680 แนวตัดขาดทุนต่ำกว่า 1700 จุด
  สำหรับการ Scan หุ้นที่มีโอกาสทำ New high ที่เข้ามาใหม่เป็น KTB, INTUCH, GFPT, GLOBAL ที่ยังคงอยู่ใน List ได้แก่ CBG, SAT, PRINC, SYNEX, D, BBL, MTC, LPN, TGCI หุ้นที่หลุด LIST คือ GCAP, COM7, GLOW, M, HMPRO และที่ให้หาจังหวะTake profit เป็น -ไม่มี-
Key Drivers TODAY
ปัจจัยต่างประเทศ
- ทรัมป์ ขู่เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์
  # ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เปิดเผยว่า ตนได้ขอให้ผู้แทนการค้าสหรัฐตรวจสอบรายการสินค้าจีนที่ควรถูกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม โดยปธน.สหรัฐได้ขู่ที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนรอบใหม่ในอัตรา 10% วงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐได้มีการประกาศรายชื่อสินค้าจีนที่จะถูกเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% วงเงินรวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปธน.ทรัมป์ ระบุว่า สหรัฐจะเรียกเก็บภาษีนำเข้ารอบใหม่ หากรัฐบาลจีนยังคงยืนกรานที่จะเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าสหรัฐตามที่เคยประกาศไว้ไม่นานมานี้
-สหรัฐฯ-จีน ประกาศสงครามการค้าชัดเจนแล้วเมื่อวันศุกร์
  # สำนักงานตัวแทนการค้าสหรัฐ (USTR) แถลงว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ต่อสินค้าจำนวน 1,100 รายการของจีน โดยสินค้าล็อตแรกจำนวน 818 รายการ มูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ จะถูกเรียกเก็บภาษีในวันที่ 6 ก.ค. ขณะที่สินค้าล็อตที่ 2 กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา
  # รัฐบาลจีนก็ได้ออกมาตอบโต้ด้วยการออกมาตรการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐจำนวน 659 รายการ โดยเรียกเก็บในอัตรา 25% คิดเป็นมูลค่ารวม 5 หมื่นล้านดอลลาร์ รัฐสภาจีน และคณะกรรมาธิการฝ่ายกิจการศุลกากรแห่งรัฐสภาจีน แถลงว่า อัตราภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้กับสินค้านำเข้าจากสหรัฐล็อตแรกจำนวน 545 รายการ คิดเป็นมูลค่า 3.4 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงสินค้าด้านการเกษตร ยานยนต์ และสินค้าทางทะเล โดยจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ส่วนการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจำนวนที่เหลือนั้น จะมีการประกาศหลังจากนั้น
- ราคาน้ำมันวานนี้รีบาว์ หลังลงแรง แต่เช้านี้ลดลงอีก กังวลประชุมโอเป็กเพิ่มกำลังการผลิต
  # สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.ค. เพิ่มขึ้น 79 เซนต์ หรือ 1.2% ปิดที่ 65.85 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.90 ดอลลาร์ หรือ 2.6% ปิดที่ 75.34 ดอลลาร์/บาร์เรล
  # สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนเข้าช้อนซื้อเก็งกำไร หลังจากสัญญาน้ำมันดิบร่วงลงอย่างหนักเมื่อวันศุกร์ ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และนอกกลุ่มโอเปกในสัปดาห์นี้ รวมทั้งข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน
  # อย่างไรก็ตามราคาน้ำมันเช้านี้กลับมาปรับลดอีกแล้ว
• BOJ คงคอกเบี้ยนโยบายตามคาด
  # คณะกรรมการนโยบายการเงินของ BOJ มีมติคงคงนโยบายผ่อนคลายการเงินเชิงรุก ในการประชุมวันศุกร์ ซึ่งรวมถึงการคงวงเงินซื้อพันธบัตรรัฐบาล เพื่อให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อระยะยาว เคลื่อนไหวที่ระดับ 0% และได้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับ -0.1% โดยอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวเป็นดอกเบี้ยที่เรียกเก็บจากสถาบันการเงินที่สำรองเงินฝากไว้กับ BOJ
-ECB ทยอยปรับลด QE และสิ้นสุดสิ้นปี 61 นี้
  # ECB ระบุว่าจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยต่อไป อย่างน้อยจนถึงช่วงฤดูร้อนของปีหน้า พร้อมประกาศคงวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ที่ระดับ 3 หมื่นล้านยูโร/เดือน จนถึงเดือนก.ย. อย่างไรก็ตาม ECB ระบุว่าจะเริ่มปรับลดวงเงิน QE สู่ระดับ 1.5 หมื่นล้านยูโรในเดือนต.ค.-ธ.ค. และจะยุติมาตรการ QE ภายในสิ้นเดือนธ.ค.
- ภาวะตลาดหุ้น : ดาวโจนส์ปรับลงต่อ กังวลสงครามการค้า สหรัฐ-จีน
  # ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 24,987.47 จุด ร่วงลง 103.01 จุด หรือ -0.41% ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,773.75 จุด ลดลง 5.91 จุด หรือ -0.21% ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 7,747.02 จุด เพิ่มขึ้น 0.65 จุด หรือ +0.01%
  # ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) โดยดาวโจนส์ปิดในแดนลบติดต่อกันเป็นวันที่ 5 เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนยังคงเป็นปัจจัยลบต่อตลาด อย่างไรก็ตาม การดีดตัวขึ้นของหุ้นกลุ่มพลังงานและกลุ่มเทคโนโลยีช่วยให้ตลาดสามารถไต่ขึ้นจากระดับต่ำสุดในระหว่างวันได้
• ทองคำเพิ่มขึ้น กังวลสงครามการค้า
  # สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนส.ค. เพิ่มขึ้น 1.6 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1280.10 ดอลลาร์/ออนซ์
  # สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดดีดตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (18 มิ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสัญญาทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงเมื่อคืนนี้ อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ได้สกัดแรงบวกของสัญญาทองคำในระหว่างวัน
•/- ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง
  # สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) ของสหรัฐรายงานว่า ดัชนีความเชื่อมั่นผู้สร้างบ้านลดลง 2 จุด สู่ระดับ 68 ในเดือน มิ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน จากความกังวลเกี่ยวกับค่าวัสดุที่แพงขึ้น อย่างไรก็ดี เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ดัชนีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้น 2 จุด นอกจากนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ถึงมุมมองโดยทั่วไปที่เป็นบวก
• ตัวเลขเศรษฐกิจจะประกาศสัปดาห์นี้
  # ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ค., ดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 1, ยอดขายบ้านมือสองเดือนพ.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีการผลิตเดือนมิ.ย.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย, ดัชนีราคาบ้านเดือนเม.ย., ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต และดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนมิ.ย.จากมาร์กิต
ปัจจัยในประเทศ และข่าวเด่นหลักทรัพย์
-/+ ผลกระทบต่อไทย จากการเกิดสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน
  # ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจเพื่อการปฏิรูป ได้รายงานผลกระทบสงครามการค้าสหรัฐอเมริกา-จีน รอบใหม่ต่อเศรษฐกิจโลก โดยคาดภาคส่งออกไทยคงหลีกเลี่ยงผลกระทบไม่ได้ เพราะไทยมีสินค้าส่งออกที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานของทั้ง 2 ประเทศ ขณะที่เศรษฐกิจไทยอาจเผชิญปัญหาสินค้าบางชนิดไหลทะลักเข้า เนื่องจากประเทศต้นทางต้องการระบายสินค้าแต่ไทยก็อาจได้ประโยชน์จากการปรับเปลี่ยนแผนการลงทุนของจีน หรือได้ประโยชน์ในกรณีที่สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากไทยมากขึ้น
+/- วานนี้ตลาดฯประกาศ SET50,SET 100 คาดมีการเก็งกำไรสำหรับหุ้น Inclusion หรือขายออกสำหรับหุ้น Exclution
  # ประกาศวันที่ 18 มิ.ย.61 มีผลใช้ตั้งแต่ 1 ก.ค.61-31 ธ.ค.61
  # สำหรับ SET 50 สำหรับหุ้นเข้ามาใหม่ (Inclustion) 6 หลักทรัพย์ คือ BGRIM, DELTA, GLOW, KTC, RATCH, TOA
  # สำหรับ SET 50 สำหรับหุ้นถูกถอดออก (Exclusion) 6 หลักทรัพย์ คือ BCP, KCE, PSH, SAWAD, TPIPP, WHA
  # สำหรับ SET 100 สำหรับหุ้นเข้ามาใหม่ (Inclustion) 11 หลักทรัพย์ คือ BGRIM, BLA, DELTA, ERW, GLOW, PRM, RATCH, RS, THANI, TOA, TTW
  # สำหรับ SET 100 สำหรับหุ้นถูกถอดออก (Exclusion) 11 หลักทรัพย์ คือ ANAN, BA, BEC, BIG, JMART, JWD, MC, MONO, THCOM, TTA, UNIQ
  # การคัดเลือกหุ้นที่นำมาคำนวณใน SET50 & SET100 พิจารณาจากมูลค่าการตลาด (Market Cap) และปริมาณ & สภาพคล่องในการซื้อขายเป็นหลัก ไม่ได้พิจารณาถึงปัจจัยพื้นฐานหรืองบการเงินของบริษัทโดยตรง อย่างไรก็ตาม หุ้นที่ถูกคัดเลือกเข้ามาคำนวณใน SET50 หรือ SET100 ก็จะได้รับความสนใจจากนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศมากขึ้น ส่วนหุ้นที่ถูกคัดออกก็อาจจะถูกลดการลงทุนลง
+ BTS-CP- PTT- UNIQ- ITD ซื้อซองประมูลไฮสปีดเทรน
  # รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย หรือ รฟท. แจ้งว่า เป็นวันแรกที่รฟท.เปิดขายเอกสารประมูลโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน มูลค่ากว่า 2 แสนล้านบาท ปรากฎว่า มีเอกชนรายใหญ่เข้ามาซื้อเอกสารแล้ว 5 รายได้แก่ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) , เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี), บริษัท เอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์จำกัดซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บมจ.ปตท (PTT) , บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) และบมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) โดย รฟท.กำหนดเวลาการขายเอกสารการคัดเลือกเอกชนในวันที่ 18 มิ.ย.- 9 ก.ค. นี้
+/- บาทอ่อนส่งผลบวกต่อหุ้นกลุ่มส่งออก แต่เป็นลบกับผู้นำเข้าสินค้าและวัตถุดิบ
  # หลักทรัพย์ที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับการส่งออก ที่ได้รับผล sentiment ด้านบวก เช่น กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ได้แก่ KCE, HANA, DELTA, SVI กลุ่มเกษตร-อาหาร ได้แก่ CPF, TU, GFPT, TIPCO, MALEE และหลักทรัพย์ท่องเที่ยวได้ประโยชน์ คือแลกเหรียญเป็นบาทได้มากขึ้นเป็น sentiment บวกกับ ERW, CENTEL และ MINT ด้านหลักทรัพย์เสียประโยชน์คือนำเข้าวัตถุดิบหรือชิ้นส่วนจากต่างประเทศ ได้แก่ TVO, TSTH, IRPC, BCP, SAT, STANLY, AH, COM7, SYNEX และ SIS รวมทั้งหลักทรัพย์ที่มีหนี้เงินกู้ต่างประเทศจะมีขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน ได้แก่ AAV, THAI และ RCL เป็นต้น
-/• คนเล่นหุ้น GLOW ยังเสี่ยง ราคาซื้อ-เทนเดอร์ไม่นิ่ง บอร์ด PTT ชี้ GPSC อยู่ระหว่างเจรจา-ไร้ข้อยุติ
  # บอร์ด "ปตท." หนุน GPSC ซื้อหุ้น GLOW จำนวน 1,010.98 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 69.11% พร้อมทำเทนเดอร์ 451.89 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 30.89% ชี้อยู่ระหว่างเจรจาซื้อขายกับผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ GLOW ปัจจุบันยังไม่มีข้อยุติ ฟากวงการเงินเตือนคนเล่นหุ้น GLOW มีความเสี่ยง เหตุราคาซื้อ-ทำเทนเดอร์ยังไม่นิ่ง โบรกฯ แนะนำ "ขาย" GPSC เหตุมีความเสี่ยงในการลงทุน เพราะอาจต้องเพิ่มทุนระดมเงิน 1 แสนล้านบาท เพื่อซื้อ GLOW (ข่าวหุ้น)
-ปตท.หั่นลงทุน2.5หมื่นล.ธุรกิจ'น้ำมัน-ท่อส่งก๊าซ'โดนหางเลข
  # บอร์ด ปตท.หั่นงบลงทุนปีนี้ 2.5 หมื่นล้านบาท เน้นปรับลดในธุรกิจน้ำมันและท่อส่งก๊าซ อ้างเพื่อให้สอดคล้องสถานการณ์ พร้อมอนุมัติ "จีพีเอสซี" ซื้อหุ้นโกลว์พลังงาน 69% จากกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ จากนั้นทำเทนเดอร์ ส่วนที่เหลือจากรายย่อยต่อทันที ขณะที่ราคาหุ้นร่วงต่ออีก 2% (กรุงเทพธุรกิจ)
นักวิเคราะห์ : สมบัติ เอกวรรณพัฒนา : This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
OO10230

 

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!