หมวดหมู่: บทวิเคราะห์

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 9-7-2020May


กลยุทธ์การลงทุนรายวัน

วานนี้ SET ย่อตัว จากการที่ตลาดยังขายปัจจัยใหม่มาหนุนตลาด จึงเกิดการขายทำกำไรระยะสั้น โดย ณ. สิ้นวัน SET ปิดที่ 1,362.46 (-10.76 จุด) มูลค่าการซื้อขาย 6.6 หมื่นล้านบาท (เทียบกับวันก่อนหน้า 8.2 หมื่นล้านบาท)

โดยนักลงทุนต่างชาติ ขายหุ้นไทย 1,211 ลบ. (นักลงทุนสถาบันขาย 2,285 ลบ.) ส่วนตลาด TFEX นักลงทุนต่างชาติเปิด Long Futures ที่ 3,841 สัญญา)

JMT (ปรับราคาเป้าหมายขึ้นสู่ 31.50 บาท) คาดกำไรสุทธิ 2Q63 ที่ 210 ลบ. +2%QoQ,+40%YoY จะกลับมาทำสถิติใหม่อีกครั้ง (All Time High) และคาดกำไรจะเร่งตัวขึ้นต่อเนื่องในช่วงครึ่งหลังของปี จากการเก็บหนี้ที่ทำได้ดี การรับรู้กำไรบนกองหนี้ที่ตัดต้นทุนหมด ส่วนด้านการซื้อหนี้ NPL ยังสามารถทำได้ตามแผน

กลยุทธ์การลงทุนรายวัน

ตัวเลขสต๊อกเบนซินดีกว่าคาด สะท้อนความต้องการน้ำมันอยู่ในเกณฑ์ดี : วานนี้ EIA รายงานสต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐรายสัปดาห์พบว่าขยายตัวถึง +5.6 ล้านบาร์เรล สวนตลาดที่คาดว่าจะลดลง -3.1 ล้านบาร์เรล แต่อย่างไรก็ดีหากพิจารณาสต๊อกของน้ำมันเบนซินพบว่า ลดลง -4.8 ล้านบาร์เรล ซึ่งดีกว่าที่คาดว่าจะลดลงเพียง -2.1 แสนบาร์เรล ประเด็นนี้บ่งชี้ว่าการขับรถในสหรัฐฯ กลับมาฟื้นตัวได้ดี ซึ่งก็อาจสะท้อนถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจสหรัฐฯยังคงขับเคลื่อนได้ต่อไป แม้ว่าตัวเลขผู้ติดเชื้อรายวันของสหรัฐฯจะเร่งขึ้นต่อเนื่องทะลุ 6 หมื่นรายต่อวันแล้วก็ตาม ส่วนสำหรับไทย ถือว่าพัฒนาการด้านสาธารณสุขยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก แต่จุดที่ควรระมัดระวังคือ ตัวเลขเศรษฐกิจ และผลการผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนใน 2Q63 ซึ่งอาจจะทำให้หุ้นแต่ละตัวในช่วงนี้มีจังหวะการแกว่งตัวที่ผันผวนบ้าง โดยเราแนะสะสมหุ้นที่แนวโน้มกำไร 2Q63 ดี หรือหุ้นที่จะมีพัฒนาการอย่างโดดเด่นในช่วงครึ่งหลัง ซึ่งคาดผลตอบแทนหุ้นดังกล่าวจะชนะตลาดได้

Investment Strategy :

วันนี้คาด SET ฟื้นตัว ในกรอบแนวรับ 1,350 ต้าน 1,380 จุด เน้นหุ้นที่คาดแนวโน้มกำไรโดดเด่น โดย ATO Picks วันนี้แนะนำ “JMT, COM7, CBG”

กลยุทธ์การลงทุน

มีหุ้น : ทยอยทำกำไรบางส่วน รอสะสมเพิ่มที่บริเวณแนวรับ 1360 / 1340 จุด ตามลำดับ

ไม่มีหุ้น : รอซื้อเมื่อดัชนีอ่อนตัว หาจังหวะการเข้าเก็งกำไรช่วงบริเวณ 1360/1340 จุด และรอขายเมื่อดัชนีดีดกลับ

ซีพีเอฟปรับโฉม 'ซีพีเฟรชมาร์ท' 'ซูเปอร์มาร์เก็ตหลากรูปแบบ (กรุงเทพธุรกิจ)

ความเห็น : การเน้นธุรกิจปลายน้ำ (ร้านค้าปลีก) มากขึ้นจะช่วยเพิ่มอัตรากำไร เพิ่มช่องทางขายสินค้าของบริษัท และลดความเสี่ยงจากการผันผวนของราคาเนื้อสัตว์ แต่คาดว่ายังต้องใช้เวลาในการขยายสาขา ส่วนผลประกอบการ 2Q63 คาดว่าเติบโตดี YoY จากราคาหมูเวียดนามเพิ่มขึ้น แนะนำ ซื้อ CPF เป้าหมาย 40.20 บาท

MCS งานใหญ่ญี่ปุ่นรอ หุ้นเสี่ยงต่ำ-ปันผลสูง (ทันหุ้น)

ความเห็น : MCS ได้งานใหม่อย่างต่อเนื่อง และ มีแนวโน้มจะได้โครงการขนาดใหญ่เป็นงานเหล็กโครงสร้าง 70,000 ตัน จะทราบผลประมาณเดือน ส.ค. เราประเมินกำไรในปีนี้เท่ากับ 744 ล้านบาท เติบโต 22% ราคาปัจจุบันซื้อขายบน Valuation ที่ถูก P/E ต่ำ 7.6 เท่า และ ปันผลดี 7% คงแนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมายเป็น 14.50 บาท

Home Prod Ctr (HMPRO)

กำไรลดใน 2Q63 ก่อนจะฟื้นตัวใน 3Q63

Results Preview

ประเด็นการลงทุน

คาดกำไร 2Q63 ต่ำสุดของปีจากการปิดสาขาในช่วงล็อกดาวน์กระทบ SSSG ติดลบหนักก่อนที่จะฟื้นตัวเป็นบวกหลังจากสาขากลับมาเปิดช่วงกลางเดือน พ.ค. โดยได้ประโยชน์จาก Pent-up demand และการเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค เราคาดว่ากำไรค่อยๆฟื้นตัวใน 3Q63 แต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ เนื่องจากเศรษฐกิจหดตัว และ Demand ไม่แรงเหมือนตอนที่กลับมาเปิดสาขาช่วงแรกๆ ราคาหุ้นปรับขึ้นมาจนมีอัพไซด์จำกัดเมื่อเทียบกับราคาเป้าหมาย (DCF) 16 บาท เราปรับคำแนะนำจาก ซื้อ เป็น Trading Buy เมื่อราคาหุ้นอ่อนตัวลง

SSSG ฟื้นจาก -50% ในเดือน เม.ย. มาเป็น +5% ในเดือน มิ.ย.

HMPRO ปิดสาขาโฮมโปร 69 สาขา หรือ 74% ของสาขาทั้งหมด ในช่วงล็อกดาวน์เดือน เม.ย. ขณะที่ยอดขายออนไลน์เติบโตอย่างมีนัยยะมาชดเชยยอดขายทางสาขาที่หายไปได้ส่วนหนึ่ง ทำให้ SSSG ติดลบประมาณ 50% เมื่อมีการคลายล็อกดาวน์ทำให้สาขาทั้งหมดกลับมาเปิดเมื่อ 17 พ.ค. ทำให้ SSSG ติดลบน้อยลงมาที่ประมาณ 15% รวมทั้งมี Pent-up demand และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปในช่วง Work from home เช่น มีการตกแต่งบ้าน ทำอาหาร และซื้อสินค้าอำนวยความสะดวกสำหรับการทำงานที่บ้าน โดย SSSG เดือน มิ.ย. ฟื้นตัวเป็นบวกได้เกือบ 5% โดยรวมแล้วเราคาดว่า SSSG ใน 2Q63 จะติดลบประมาณ 20% ส่วนเมกาโฮมและสาขามาเลเซีย คาดว่า SSSG ติดลบมากในเดือน เม.ย. ก่อนจะฟื้นเป็นบวกเล็กน้อยในเดือน มิ.ย.  

คาดกำไร 2Q63 ลดลง 54% YoY

คาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลงจากการที่ SSSG ติดลบมาก ขณะที่การขายออนไลน์เติบโตแต่มีอัตรากำไรต่ำกว่าการขายทางสาขา อีกทั้งคาดว่าสัดส่วน House brand ลดลงเนื่องจากกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าขายดี (สินค้ากลุ่มนี้มี House brand น้อย และมีอัตรากำไรค่อนข้างต่ำ) รายได้ค่าเช่าคาดว่าจะลดลงอย่างมีนัยสำคัญจากการปิดสาขา Market Village และการให้ส่วนลดกับผู้เช่าเมื่อสาขากลับมาเปิดสาขา เราจึงประเมินว่ากำไร 2Q63 ลดลง 44% QoQ และ 54% YoY เป็น 705 ล้านบาท

แนวโน้มฟื้นตัวใน 3Q63 แต่ยังไม่กลับสู่ระดับปกติ

ยังต้องติดตาม SSSG ใน 3Q63 ซึ่งเราคาดว่า Pent-up demand จะชะลอลง รวมทั้งการ Work from home น้อยลง ทำให้คาดว่า SSSG จะไม่ได้เติบโตแรงเหมือนช่วงที่สาขากลับมาเปิดใหม่ๆ โดยมีปัจจัยกดดันจากเศรษฐกิจหดตัวและผู้บริโภคมีความระมัดระวังในการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น อีกทั้งรายได้ค่าเช่ายังชะลอตัวเนื่องจากการให้ส่วนลดกับผู้เช่า อย่างไรก็ดี คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นจะกลับมาเพิ่มขึ้นได้ใน 2H63 จากการเพิ่มประสิทธิภาพดำเนินงาน และเพิ่มสัดส่วนสินค้าที่มีอัตรากำไรสูง

ความเสี่ยง: การระบาดของโควิด-19 รอบ 2 เศรษฐกิจหดตัว

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!