หมวดหมู่: ธปท.

BOAวรไท สนตประภพ


ผู้ว่าธปท. เผยปี 61 ยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย หลังจีดีโตต่อเนื่อง -ย้ำเฟดขึ้นดบ.ส่งผลเงินไหลออกเล็กน้อย

      ผู้ว่าธปท. เผยปี 61 ยังเดินหน้าใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย หลังเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ชี้เฟดขึ้นดอกเบี้ยส่งผลเงินไหลออกเล็กน้อย ย้ำไม่กระทบต่อเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ มั่นใจเศรษฐกิจไทยปี 61 ขยายตัว 3.9% เตือนบิตคอยน์เสี่ยงเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่

           นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นโยบายการเงินในปี 61 ธปท. จะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง แม้ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวแล้วก็ตาม แต่ธปท.ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตอย่างเข้มแข็ง ประกอบกับ อัตราเงินเฟ้อจะค่อยๆปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งอัตราเงินเฟ้อไม่ได้ส่งผลให้มีแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงิน

       นอกจากนี้ แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย แต่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยก็ไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นตามประเทศเศรษฐกิจหลัก เนื่องจสกนโยบายการเงินของแต่ละประเทศจะต้องตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศนั้นๆเป็นหลัก

       "หากเฟดขึ้นดอกเบี้ยก็จะส่งผลให้มีเงินทุนไหลออกจากไทยไปบ้าง ซึ่งไม่ใช่เป็นสิ่งที่ต้องกังวล เพราะไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากไทยพึ่งพาเงินทุนต่างชาติน้อยกว่าประเทศเกิดใหม่อื่นๆ แต่ก็ไม่ประมาท โดยยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยงอย่างต่อเนื่องที่อาจจะทำให้เงินเฟ้อโลกปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาด เช่น ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งหากเงินเฟ้อโลกปรับขึ้นเร็ว จะต้องมาพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทยในระยะต่อไป"นายวิรไท กล่าว

       สำหรับ ความเสี่ยงและความท้าทายในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมาจากทั้งปัจจัยภายในและภายนอก ประกอบด้วย ความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น กำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่กระจายตัวอย่างทั่วถึงอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภค ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐ และ การปรับนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักเข้าสู่ระดับปกติ ความท้าทายจากเทคโนโลยีและโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลิตภาพและปรับรูปแบบการทำธุรกิจ การสร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบการเงิน และ การรับมือภัยไซเบอร์ การเข้าสูสังคมผู้สูงอายุ และความท้าทายจากปัญหาความเหลื่อมล้ำ เช่น การเข้าถึงบริการทางการเงินที่ทั่วถึงและเป็นธรรม การได้รับความรู้ทางการเงินอย่างเท่าเทียม และ ความสามารถในการวางแผนทางการเงิน

      ทางด้านแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 61 จะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 61 เป็นขยายตัว 3.9% จากเดิม 3.8% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวเศรษฐกิจโลกที่มีความชัดเจนมากขึ้นส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศมีการเติบโตที่ดี และ การท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี หลังจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาคการท่องเที่ยวไทย

         ในขณะที่การบริโภคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังเริ่มเห็นสัญญาณการขยายกำลังการผลิตของภาคธุรกิจหลายราย แต่รายได้และการจ้างงานยังมีแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น แรงงานมีทักษะไม่ตรงกับความต้องการของนายจ้าง

        ส่วนการลงทุนภาครัฐจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนที่สำคัญหลักในผลักดันเศรษฐกิจไทยในปีหน้า

      อย่างไรก็ตาม ทิศทางธนาคารพาณิชย์ในปี 61 ยังให้ความสำคัญในการแข่งขันด้านนวัตกรรมทางการเงิน ซึ่งธนาคารต้องมีการปรับปรุงสาขาเพื่อให้เข้ากับการบริการทางการเงินสำหรับลูกค้าในแต่ละประเภท โดยสามารถใช้ระบบ Payment Agent เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการใช้สาขา โดยธนาคารต้องควบคุมความเสี่ยงของเ Payment Agent เหล่านี้ด้วย

       ส่วนปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(NPL)ของระบบธนาคารพาณิชย์นั้น นายวิรไท กล่าวว่า หลังจากที่ธปท. ออกมาตรการควบคุมวงเงินการให้สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันส่งผลให้คุณภาพหนี้ดีขึ้น แม้จะมีปัญหาทางด้านหนี้ครัวเรือนอยู่บ้าง แต่ธนาคารพาณิชย์ยังมีความแข็งแกร่งเห็นได้จากเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงที่อยู่ในระดับสูง และ ความสามารถในการหารายได้ของธนาคารก็ยังมีการเติบโตที่ดี

       "ปีหน้าธนาคารพาณิชย์จะไม่มีปัญหาหนี้ที่อ่อนแอเพิ่มขึ้น เพราะธนาคารต่างๆ ได้ปรับกระบวนการการปล่อยสินเชื่อให้มีความระมัดระวัง และ รอบคอบมากขึ้น นอกจากนี้ ยังกระจายการปล่อยสินเชื่อให้มีความหลากหลายในอุตสาหกรรมเพื่อไม่ให้เกิดการกระจุกตัว"นายวิรไท กล่าว

        นอกจากนี้ นายวิรไท ยังกล่าวเตือนการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล และ บิทคอยน์ ว่า นักลงทุนต้องทำความเข้าใจว่าเงินสกุลดิจิทัลไม่ใช่เงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่เป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีความเสี่ยงหลายด้าน ทั้งราคาที่ผันผวน โอกาสที่จะถูกแฮกข้อมูล และ ถูกชักชวนให้ลงทุนเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งประชาชนต้องศึกษาข้อมูลให้ดี และ ต้องระมัดระวัง อย่างไรก็ตามปัญหาเงินสกุลดิจิทัลยังไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของไทย

        ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างศึกษาการระดมทุนในรูปแบบใหม่โดยใช้เงินสกุลดิจิทัล (ICO) นั้น นายวิรไท กล่าวว่า ถือเป็นพัฒนาการการระดมทุนผ่านตลาดทุนในรูปแบบใหม่ แต่ยังต้องระมัดระวัง เนื่องจากยังมีหลายปัจจัยที่เป็นความเสี่ยงและต้องศึกษา ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. ได้เปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนเพื่อประกอบพิจารณา และ ออกกฎควบคุมต่อไป และ ยังพบว่าความเสี่ยงระบบศูนย์กลางซื้อขายสกุลเงินบิทคอยน์ถูกแฮกหรือ ปิดกิจการไปทำให้ผู้ลงทุนสูญเสียได้ และ ที่น่ากังวลใจมีประชาชนจำนวนไม่น้อยที่ไม่เข้าใจในเรื่องนี้โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนในตราสารการเงินใหม่ๆที่ให้ผลตอบแทนสูง ซึ่งประชาชนต้องให้ความระมัดระวัง

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!