หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TPIPPภคพล เลยวไพรตน


TPIPP เตรียมประชุมบอร์ดปลายเดือนนี้ เล็งจ่ายปันผลงวด Q2/60 หลังมีกระแสเงินสดสูง ศึกษาลงทุนพลังงานทดแทนตปท.

   บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP ให้ข้อมูลนักลงทุนในงาน Opportunity Day โดยมีนายภัคพล เลี่ยวไพรัตน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน เป็นผู้ให้ข้อมูล โดย TPIPP มั่นใจปีนี้รายได้-กำไรโตก้าวกระโดด เตรียม COD เพิ่ม 290 MW ส่งผลทั้งปีครบ 440 MW เล็งเข้าประมูลงานพลังงานทดแทนภาครัฐ 400 MW ช่วง Q4/60 หวังดันรายได้ปี 61 นิวไฮต่อเนื่อง เผยศึกษาลงทุนพลังงานทดแทนในต่างประเทศ 5-6 แห่ง เน้นโครงการให้ผลตอบแทนสูงกว่าในประเทศ พร้อมหยุดขยายธุรกิจสถานีน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ เน้นโรงไฟฟ้าเป็นหลัก แย้มถกบอร์ดปลายเดือนนี้ เล็งจ่ายปันผลงวด Q2/60 หลังมีกระแสเงินสดในระดับสูง

 ปลายเดือนนี้บริษัทจะประชุมคณะกรรมการบริษัท โดยมีแผนจะจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นประจำไตรมาส 2/60 หลังธุรกิจเติบโตได้เป็นอย่างดี และมีกระแสเงินสดอยู่ในระดับสูง

 บริษัทมั่นใจว่ารายได้-กำไรปีนี้จะเติบโตก้าวกระโดด โดยรายได้จะอยู่ที่ 14,000-15,000 ล้านบาท จากปี 59 ที่มีรายได้รวม 4,368.2 ล้านบาท เนื่องจากในไตรมาส 4 บริษัทจะจำหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) โรงไฟฟ้า 3 แห่ง กำลังการผลิต 290 เมกะวัตต์ ได้แก่ โรงไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 70 เมกะวัตต์ โรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินและพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ 70 เมกะวัตต์ ซึ่งขณะนี้ผ่านการที่ได้รับอนุมัติรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (รายงาน EIA) เป็นที่เรียบร้อย  ส่วนโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน150 เมกะวัตต์ ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการพิจารณารายงาน EIA

  ส่งผลให้ในปีนี้บริษัทจะกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ COD แล้ว รวมเป็น 440 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันอยู่ที่ 150 เมกะวัตต์ แต่รายได้ดังกล่าวยังไม่รวมกรณีการปรับเพิ่มราคาค่าไฟฟ้าที่จะมีการปรับขึ้น FT งวดเดือน ก.ย.- ธ.ค.นี้ อีก 8.87 สตางค์ต่อหน่วย

 ในช่วงไตรมาส 4 บริษัทมีความสนใจเข้าประมูลโครงการพลังงานทดแทนภาครัฐที่จะเปิดประมูลใหม่ ได้แก่ SPP Hybrid Firm ขนาด 10-50 เมกะวัตต์ โดยอนุมัติรับซื้อ จํานวน 300 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าขยะอีก 100 เมกะวัตต์ ซึ่งบริษัทมีความสนใจและอยู่ระหว่างการศึกษาว่าคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ แต่เบื้องต้นมีความพร้อมทั้งด้านเงินทุนและบุคลากร

 ด้านอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin)ตั้งเป้ารักษาใกล้เคียงกับไตรมาส 2 อยู่ที่ 54.80% โดยเชื่อว่าในอนาคตมีโอกาสปรับตัวสูงขึ้นอีก เพราะบริษัทจะ COD โรงไฟฟ้าเพิ่มเติม

  อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) บริษัทมีนโยบายไม่ให้เกิน 1 เท่า โดยปัจจุบันมีกระแสเงินสดพร้อมลงทุนประมาณ 6,800 ล้านบาท

  การลงทุนในต่างประเทศอยู่ระหว่างการศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทน ประมาณ 5-6 ประเทศ ซึ่งต้องหาโครงการที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าในประเทศ เพราะต้องมีการประเมินความเสี่ยง ว่าคุ้มค่าการลงทุนหรือไม่ โดยจะเน้นโครงการที่มี PPA แล้ว

  ส่วนธุรกิจน้ำมันและแก๊สธรรมชาติ ในไตรมาส 2 มีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 15% โดยมีจำนวนสถานีอยู่ที่ 12 สถานี ซึ่งในไตรมาส 2 ปี 61 คาดว่าสัดส่วนจะลดลงเหลือ 5% เพราะคาดว่าคงไม่ขยายธุรกิจนี้แล้ว เพราะมีมาร์จิ้นต่ำ ทั้งนี้ ธุรกิจดังกล่าวสร้าง EBITDA ให้กับบริษัทประมาณ 50-150 ล้านบาท

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!