นางสาวสิริธิดา พนมวัน ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายระบบการชำระเงินและเทคโนโลยีทางการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เผย เบื้องต้นเตรียมปรับเพิ่มวงเงินโอนจากเดิมราว 1 ล้านบาท/ครั้ง ทยอยชัดเจนปลายปีนี้ พร้อมเดินหน้าระบบชำระเงินด้วย QR Code หวังใช้เป็นเกณฑ์ประเมินการปล่อยสินเชื่อ รายละเอียดดังนี้

   ทั้งนี้ ธปท.เล็งผลักดันภาคธุรกิจเข้าใช้งานระบบพร้อมเพย์เพิ่ม หวังลดต้นทุนในการโอนเงินของภาคธุรกิจไทย เบื้องต้นเตรียมเดินสายหารือภาคธุรกิจเพื่อสำรวจความต้องการในการเข้าใช้งานระบบพร้อมเพย์ โดยอาจปรับวงเงินในการโอนเงินเพิ่มเป็นอันดับแรก จากปัจจุบันที่มีวงเงินอยู่ระหว่าง 7 แสนบาท - 1 ล้านบาท/ครั้ง เท่าน้ัน ซึ่งเป็นเหตุผลที่ภาคธุรกิจไม่นิยมใช้ โดยคาดว่าจะเริ่มทยอยออกเครื่องมืออำนวยความสะดวกให้แก่ภาคธุรกิจตั้งแต่ปลายปีนี้เป็นต้นไป

   สำหรับ พร้อมเพย์นิติบุคคลบริษัทอาจต้องกลับไปปรับปรุงกระบวนการภายในและปรับบัญชีต่างๆ เพื่อการใช้งาน แต่เชื่อว่าจะมียอดใช้งานจากกลุ่มนี้เข้ามามากขึ้นในอนาคต

   ปัจจุบันพร้อมเพย์มียอดผู้ใช้งานทั้งหมด 43.6 ล้านเลขหมาย แบ่งเป็น บัตรประชาชน 28.3 ล้านหมายเลข โทรศัพท์มือถือ 15.2 ล้านหมายเลข eWallet-ID 85,000 หมายเลข นิติบุคคล 59,000 หมายเลข โดยปัจจุบันมียอดการใช้งาน 2.4 ล้านรายการ/วัน รวมตั้งแต่เปิดใช้งาน 450 ล้านรายการ มูลค่ารวม 2.2 ล้านล้านบาท

   นายบัญชา มนูญกุลชัย ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเทคโนโลยีทางการเงิน ธปท. กล่าวว่า นอกจากนี้ธปท.ยังอยู่ระหว่างผลักดันการใช้ระบบชำระเงินด้วย QR Code ต่อเนื่องในจังหวัดที่ไม่ใช่หัวเมืองใหญ่ และอยู่ระหว่างศึกษาการใช้ข้อมูลจากธุรกรรมผ่าน QR Code มาประเมินความแข็งแกร่งทางธุรกิจเพื่อประเมินการปล่อยสินเชื่อแทนการประเมินจากงบการเงิน ซึ่งขณะนี้มีร้านค้าติดตั้งไปแล้วทั้งหมด 2 ล้านร้านค้าทั่วประเทศ เติบโตอย่างรวดเร็วเนื่องจากร้านค้าสามารถลดต้นทุนลงไปอย่างมาก

   ขณะที่การทดสอบ Regulatory Sandbox ปัจจุบันมีธนาคารพาณิชย์ทดสอบการเปิดบัญชีโดยไม่ต้องเข้าไปยังสาขา(e-KYC)อยู่จำนวน 1 ราย ซึ่งขณะนี้มีธนาคารพาณิชย์กำลังเข้าร่วมทดสอบเพิ่มเติมอีก 1 ราย

สำนักข่าวอีไฟแนนซ์ไทย .