หมวดหมู่: ประกัน

OICดร.สทธพล ทวชยการคปภ. สั่งการบริษัทประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทน กรณีเรือสปีดโบ๊ต คิงโพไซดอน 959 ประสบเหตุเครื่องยนต์ระเบิดที่จังหวัดกระบี่พร้อมเร่งเยียวยาด้านการประกันภัยอย่างเต็มที่

      ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเรือสปีดโบ้ท คิงโพไซดอน 959 ประสบอุบัติเหตุเครื่องยนต์ระเบิดและเกิดเพลิงไหม้บริเวณหน้าถ้ำไวกิ้ง จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2561 เวลาประมาณ 11.00 น. โดยมีนักท่องเที่ยวได้รับบาดเจ็บ 16 ราย ตามข่าวที่ปรากฏไปแล้วนั้น สำนักงาน คปภ. ได้เร่งตรวจสอบข้อมูลในเรื่องนี้ พบว่า ตามกฎกระทรวงฉบับที่ 73 (พ.ศ.2549) ออกตามความในพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 กำหนดให้เจ้าของเรือหรือผู้ประกอบการเดินเรือสำหรับโดยสารต้องจัดให้มีการประกันภัยคุ้มครองผู้โดยสารในเบื้องต้น นอกจากนี้ ตามกฎกระทรวงการอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยว พ.ศ. 2556 ที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2556 กำหนดให้ผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบธุรกิจนำเที่ยวต้องมีสำเนากรมธรรม์ประประกันภัย ประกันอุบัติเหตุให้กับนักท่องเที่ยว มัคคุเทศก์ และผู้นำเที่ยว ในระหว่างการเดินทางท่องเที่ยว

       ซึ่งจากการตรวจสอบข้อเท็จจริง พบว่าขณะเกิดเหตุเรือลำดังกล่าวได้ทำประกันภัยความคุ้มครองไว้ กับบริษัท วิริยะประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตามกรมธรรม์เลขที่ 08628-17701/POL/00425-501 เริ่มระยะเวลาความคุ้มครองวันที่ 14 มีนาคม 2560 สิ้นสุดวันที่ 14 มีนาคม 2561 โดยให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพสิ้นเชิง จำนวน 100,000 บาท ต่อคน และกรณีบาดเจ็บจะได้รับ ค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 15,000 บาทต่อคน รวมทั้งเรือลำนี้ได้ทำประกันภัยสำหรับธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ไว้กับบริษัท สยามซิตี้ประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตามกรมธรรม์เลขที่ PU1-17-PTAE-00203 เริ่มระยะเวลาความคุ้มครองวันที่ 28 ธันวาคม 2560 สิ้นสุดวันที่ 28 ธันวาคม 2561 โดยให้ความคุ้มครองในกรณีเสียชีวิต สูญเสียอวัยวะ สายตา หรือทุพพลภาพสิ้นเชิง จำนวนเงินเอาประกันภัย 1,000,000 บาท ต่อคน และกรณีบาดเจ็บจะได้รับค่ารักษาพยาบาลตามที่จ่ายจริงไม่เกิน 500,000 บาทต่อคน

     “ผมได้สั่งการให้สำนักงาน คปภ. ภาค 8 เร่งประสานงานกับบริษัทประกันภัยที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยโดยเร็ว พร้อมสั่งการให้สำนักงาน คปภ.จังหวัดกระบี่ ในพื้นที่เกิดเหตุเร่งอำนวยความสะดวกด้านการประกันภัยให้แก่ผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียหายอย่างเต็มที่แล้ว”

     สำนักงาน คปภ. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับผู้ประสบภัยทุกท่านในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากจะฝากเตือนผู้ประกอบการเดินเรือ ควรทำประกันภัยตามที่กฎหมายกำหนด พร้อมต้องหมั่นตรวจสอบวันหมดอายุกรมธรรม์ด้วยเพื่อให้ผู้ประสบภัยได้รับความคุ้มครองอย่างทั่วถึง เพราะหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดขึ้น การทำประกันภัยสามารถบรรเทาความเดือดร้อนทางการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต และเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวว่าหากเกิดอุบัติเหตุขึ้นจะได้รับความคุ้มครองจากการทำประกันภัย อีกทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศอีกด้วย หากมีข้อสงสัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1186

      สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ กลุ่มงานสื่อสารองค์กร โทรศัพท์ 02-515-3998-9 ต่อ 8307 โทรสาร 02-513-1437 http://www.facebook.com/PROIC2012

 

เลขาธิการ คปภ. เผยช่วง 7 วันอันตรายปีใหม่ 2561 ประกันภัยจ่ายแล้วค่าสินไหมทดแทน'เจ็บ-ตาย-ทรัพย์สิน'กว่า 200 ล้าน ! Platform รายงานข้อมูลอุบัติภัยสุดเจ๋ง ! ช่วย บ.ประกันภัยจ่ายค่าสินไหมทดแทนอย่างทันท่วงที

     ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่าในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2561 สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงที่มีการใช้รถใช้ถนนเพื่อเดินทางท่องเที่ยวและกลับภูมิลำเนาในต่างจังหวัด ทั้งนี้จากการรายงานของสำนักงาน คปภ. ภาค 1-9 ผ่านระบบอิเล็คทรอนิกส์ที่รายงานข้อมูลอุบัติเหตุรายใหญ่ ช่วง 7 วันอันตรายระหว่างวันที่ 28 ธันวาคม 2560 – 3 มกราคม 2561 เกิดอุบัติเหตุทางถนนทั้งสิ้น 4,423 ครั้ง โดยมีผู้เสียชีวิต 421 ราย บาดเจ็บ 4,745 ราย และมีการจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นตามประกันภัยรถภาคบังคับเพื่อเป็นค่ารักษาพยาบาลรวมถึงค่าปลงศพไปแล้ว 2,361 ราย คิดเป็นจำนวนเงิน 156,769,500 บาท และมีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนกรณีความเสียหายต่อทรัพย์สินไปแล้วจำนวน 968 รายการ คิดเป็นจำนวนเงิน 52,107,410 บาท รวมเป็นค่าสินไหมทดแทนจำนวนทั้งสิ้น 208,876,910 บาท ทั้งนี้จากจำนวนการเกิดอุบัติเหตุดังกล่าวสามารถแบ่งเป็นอุบัติเหตุรายใหญ่ 10 ครั้ง แยกเป็นอุบัติเหตุจากรถจำนวน 9 ครั้ง และอัคคีภัย 1 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 9 ราย บาดเจ็บ 180 ราย ซึ่งได้มีการจ่ายค่าสินไหมทดแทนไปแล้วทั้งสิ้น 25,399,500 บาท

      ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลการรายงานอุบัติเหตุตามที่ สำนักงาน คปภ. ทั้ง 9 ภาค ทั่วประเทศรายงานเข้ามา จะเห็นได้ว่าพื้นที่ที่มีสถิติการเกิดอุบัติเหตุสูงสุด 3 อันดับแรกได้แก่ พื้นที่ของ สำนักงาน คปภ. ภาค 6 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดชลบุรี จังหวัดจันทบุรี จังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดสระแก้ว จังหวัดตราด จังหวัดระยอง จังหวัดปทุมธานี จังหวัดสมุทรสาคร และจังหวัดสมุทรปราการ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 827 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 59 ราย บาดเจ็บ 1,129 ราย ซึ่งมีการเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายสินไหมทดแทนไปแล้ว โดยแบ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลและค่าปลงศพจำนวน 991 ราย มูลค่า 35,725,000 บาท จ่ายค่าสินไหมทดแทนที่เป็นทรัพย์สินไปแล้ว 190 ราย มูลค่า 7,110,100 บาท

       ตามมาด้วยพื้นที่ สำนักงาน คปภ. ภาค 1 ซึ่งประกอบด้วยจังหวัดเชียงใหม่ จังหวัดเชียงราย จังหวัดพะเยา จังหวัดลำปาง จังหวัดแม่ฮ่องสอน จังหวัดแพร่ จังหวัดน่าน จังหวัดสุโขทัย จังหวัดอุตรดิตถ์ และจังหวัดตาก มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 763 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 56 ราย บาดเจ็บ 771 ราย ซึ่งมีการเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายสินไหมทดแทนไปแล้ว แบ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลและค่าปลงศพ จำนวน 436 ราย มูลค่า 24,488,000 บาท จ่ายค่าสินไหมทดแทนที่เป็นทรัพย์สินไปแล้ว 94 ราย มูลค่า 24,766,320 บาท และพื้นที่ สำนักงาน คปภ. ภาค 9 ประกอบด้วยจังหวัดสงขลา จังหวัดตรัง จังหวัดนราธิวาส จังหวัดปัตตานี จังหวัดพัทลุง จังหวัดยะลา จังหวัดภูเก็ต จังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสตูล มีอุบัติเหตุเกิดขึ้น 546 ครั้ง มีผู้เสียชีวิต 27 ราย บาดเจ็บ 571 ราย ซึ่งมีการเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยจ่ายสินไหมทดแทนไปแล้ว แบ่งเป็นค่ารักษาพยาบาลและค่าปลงศพจำนวน 307 ราย มูลค่า 18,075,000 บาท จ่ายค่าสินไหมทดแทนที่เป็นทรัพย์สินไปแล้ว 316 ราย มูลค่า 6,444,690 บาท

       สำหรับ สถิติการให้บริการสายด่วน คปภ. 1186 ตลอด 24 ชั่วโมง ช่วง 7 วันอันตรายมีประชาชนโทรศัพท์มาขอรับคำแนะนำรวมถึงปรึกษาหารือด้านการประกันภัยทั้งสิ้น 584 สาย โดยประเด็นข้อหารือที่มีประชาชนสอบถามเข้ามามากที่สุด 5 อันดับประกอบด้วย เงื่อนไขความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคบังคับ จำนวน 105 สาย ตรวจสอบข้อมูลการจัดทำประกันภัยรถภาคบังคับ 91 สาย เงื่อนไขความคุ้มครองประกันภัยสำหรับรายย่อย ทั้งประกันภัย 100 ประกันภัย 200 และประกันภัย 222 จำนวน 65 สาย เงื่อนไขความคุ้มครองกรมธรรม์ประกันภัยรถภาคสมัครใจ จำนวน 58 สาย และต้องการร้องเรียน จำนวน 54 สาย  

      “จากการที่สำนักงาน คปภ. ได้นำเอาระบบอิเล็กทรอนิกส์เพื่อรายงานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุรายใหญ่ในรูปแบบของ Platform ปีนี้เป็นครั้งแรก โดยนับได้ว่าประสบความสำเร็จและมีประสิทธิภาพเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการทำงานแบบบูรณาการความร่วมมือทั้งในส่วนของบริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต และสำนักงาน คปภ. ทั้งส่วนกลางและส่วนภูมิภาคมีความสอดคล้องและเป็นไปในแนวทางเดียวกัน โดยมีเป้าประสงค์หลักเพื่อกำกับให้บริษัทประกันภัยรายงานกรณีเกิดอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ รวมถึงติดตามเร่งรัดให้บริษัทประกันภัยชดใช้เงินหรือค่าสินไหมทดแทนตามกรมธรรม์ประกันภัยให้แก่ประชาชนผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ และผู้เสียหายตามกรมธรรม์ประกันภัย ได้อย่างรวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ซึ่งในลำดับต่อไป

     สำนักงาน คปภ. ก็จะมีการตั้งทีมเพื่อติดตามเร่งรัดการจ่ายค่าสินไหมทดแทนของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นในช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ 2561 ในส่วนที่เหลือให้แล้วเสร็จสมบูรณ์โดยเร็ว และที่สำคัญที่สุดขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของทั้งผู้ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตมา ณ โอกาสนี้ด้วย ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายว่าในจำนวนผู้ที่ประสบอุบัติเหตุ มีหลายรายที่ไม่ได้มีการทำประกันภัยไว้ ดังนั้นจึงอยากให้ประชาชนให้ความสำคัญต่อการทำประกันภัยเพื่อที่ระบบประกันภัยจะเข้าไปบริหารความเสี่ยงและความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้อย่างครบวงจร” เลขาธิการกล่าวในตอนท้าย

    สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ กลุ่มงานสื่อสารองค์กร โทรศัพท์ 02-515-3998-9 ต่อ 8307 โทรสาร 02-513-1437 http://www.facebook.com/PROIC2012

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!