หมวดหมู่: บทวิเคราะห์

บล.ฟินันเซีย ไซรัส : บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นรายวัน 5-6-2020FSS2


กลยุทธ์วันนี้ >> Go with the Flow

         ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแรงต่อเนื่องโดยปิดบวกอีก 36.83 จุดทะลุขึ้นยืนเหนือระดับ 1,400 จุดนำโดยหุ้นขนาดใหญ่โดยเฉพาะกลุ่มธนาคาร พลังงาน ปิโตรเคมี เป็นต้น กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่น สถาบันในประเทศซื้อสุทธิเร่งตัวขึ้นเป็น 3.9 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 ติดต่อกันอีก 2.5 พันลบ. (แต่ Short Index Futures 6.3 พันสัญญา)

         แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาดว่า SET Index จะแกว่งตัว Sideways ในกรอบ 1,400-1,420 จุดหลังจากปรับตัวขึ้นแรง 2 วันก่อนหน้าโดยตอบรับความคาดหวังเรื่องการ Reopen Economy ไปมากพอสมควร ส่วนการประชุม ECB วานนี้แม้จะเพิ่มวงเงินซื้อพันธบัตรอีก 6 แสนล้านยูโรซึ่งมากกว่าตลาดคาด แต่ปรับลดประมาณการเศรษฐกิจลงอย่างน่าผิดหวัง อย่างไรก็ตามเราคาดว่าตลาดหุ้นเอเชียยังได้แรงหนุนจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้า โดยประเมินกรอบบนของดัชนีรอบนี้บริเวณ 1,450 จุด เทียบเท่า 2021PER ที่ 17 เท่าซึ่งค่อนข้างสูงและมีโอกาสเห็นแรง Sell on Fact บริเวณกรอบดังกล่าว ระยะสั้นเราแนะนำเก็งกำไรหุ้น Big Cap ตามโมเมนตัมของตลาด โดยเน้น Laggard Play อย่างกลุ่ม สื่อสารฯ การแพทย์

         กลยุทธ์ : เก็งกำไรหุ้นขนาดใหญ่ตามกระแสเงินทุนทีไหลเข้า//รอจังหวะปรับฐานของดัชนีก่อนทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานอีกครั้ง

         หุ้นเด่นเดือน มิ.ย. : ADVANC, BDMS, CPF, STEC, TVO

หุ้นเด่นวันนี้: ADVANC

         - แนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 210 บาท

         - เป็นหุ้นขนาดใหญ่ที่ราคา laggard ได้ประโยชน์จากการ Reopen และถ้าผู้คนเริ่มเดินทางต่างประเทศ รายได้จาก International roaming และซิมนักท่องเที่ยวจะกลับมา

         - กสทช.ชูไอเดียผลักดันให้ไทยเป็นฐาน Work from Thailand to the World ดึงดูดพนักงานบริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกมาทำงาน เพราะไทยมี 5G ใช้เป็นประเทศแรกในอาเซียน ระบบสาธารณสุขโดดเด่น ค่าครองชีพต่ำและสะดวกสบาย

         Fund Flow วานนี้กระแสเงินทุนยังคงไหลเข้าภูมิภาคหนาแน่นอีก US$450ล้าน เม็ดเงินส่วนใหญ่ไหลเข้าเกาหลีใต้และไต้หวัน US$149ล้านและ US$133ล้าน ส่วนไทยไหลเข้าเช่นกันอีก US$78ล้านสูงสุดในกลุ่ม TIPS และไม่มีประเทศใดมีเม็ดเงินไหลออก ตลาดยังให้น้ำหนักเชิงบวกต่อการ Reopen Economy รวมถึงยังมองข้ามประเด็นตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีนในระยะหลัง ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์ยังคงอ่อนค่าลงทำให้แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ายังไหลเข้าภูมิภาคอย่างต่อเนื่องในระยะนี้

ประเด็นสำคัญวันนี้

         (+) กระแส Reopen ทำให้ศก.ดีขึ้นยังอยู่ วานนี้สหรัฐเผยผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกสัปดาห์ที่ผ่านมามีจำนวน 1.87 ล้านราย ต่ำกว่า 2 ล้านรายเป็นครั้งแรกตั้งแต่เดือน มี.ค. และมีแนวโน้มจะลดลงต่อเนื่องจากการ Reopen ศก. ทำให้นักลงทุนกล้าลงทุนในสินทรัพย์มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ติดตามมุมมองของ Fed ต่อศก.สหรัฐในการประชุมสัปดาห์หน้า คาดว่าน่าจะย้ำว่าจะเดินหน้าสู้วิกฤตต่อไปจนกว่าศก.จะฟื้น

         (-) ทั่วโลกเสี่ยงเผชิญภาวะเงินฝืด ECB ปรับลดคาดการณ์เงินเฟ้อในยูโรโซนลงเหลือ 0.3% ในปีนี้ (เดิมคาด 1.1%) ส่วนเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเดือน พ.ค. -3.44% Y-Y ติดลบเป็นเดือนที่ 3 และต่ำสุดในรอบ 10 ปี 10 เดือน ก.พาณิชย์คาดว่าเงินเฟ้อทั้งปีจะ -0.2% ถึง -1% เช่นเดียวกับหลายประเทศในเอเชียมีเงินเฟ้อต่ำใกล้ศูนย์ถึงติดลบ เงินเฟ้อติดลบส่วนหนึ่งมาจากด้าน Supply ที่ถูกกระทบจากราคาน้ำมันตกต่ำ อีกด้านหนึ่งสะท้อน Demand ที่อ่อนแอ แม้ธปท.ยืนยันยังไม่ใช่เงินฝืดแต่ถือว่ามีความเสี่ยง

         (+) ความเชื่อมั่นผู้บริโภคไทยฟื้นครั้งแรกในรอบ 15 เดือน อยู่ที่ 48.2 ในเดือน พ.ค. จากการคลาย lockdown สอดคล้องกับความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ขยับขึ้น แต่การฟื้นขึ้นไม่ได้เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญและยังอยู่ในระดับต่ำมาก ห่างไกลจากภาวะปกติที่ 70-80 เศรษฐกิจไทยอาจผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในเดือน เม.ย.-พ.ค. แต่ใช้เวลาฟื้นตัว

         (+) มาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวเข้าครม.อังคารหน้า ททท.จะหารือกับก.คลังกระตุ้นท่องเที่ยวในประเทศเพื่อพยุงการจ้างงานที่อยู่ในอุตสาหกรรมนี้ราว 2 ล้านคน คาดใช้เงิน 1.05-1.45 หมื่นลบ. เน้นช่วง ก.ค.-ต.ค. (low season) ให้บุคลากรการแพทย์และอสม.เที่ยว-พักฟรี ประชาชนทั่วไปอาจให้ส่วนลด ให้เดินทางข้ามจังหวัด ถ้าเช่นนี้จะช่วยหนุน ERW, AAV มากกว่าหุ้นตัวอื่นในกลุ่ม แต่ Social distancing ทำให้ไม่เกิด economy of scale กำไรจะยังไม่กลับไปเท่าเดิม ราคาหุ้นปัจจุบันเป็นการเก็งกำไร ไม่ใช่การลงทุน

         (+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 11.93 จุด ปิดที่ 26,281.82 จุด หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกจำนวน 1.877 ล้านรายในสัปดาห์ที่แล้ว ลดลงต่ำกว่าระดับ 2 ล้านรายเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลางเดือนมี.ค.

         (-) ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ เนื่องจากปรับขึ้นมามากในช่วง 3 วันที่ผ่านมา อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารของยูโรโซนปรับขึ้น หลังธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19

         (0) ตลาดเอเชียปรับตัวผสม ท่ามกลางนักลงทุนติดตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์

         (+) ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น ล่าสุดอยู่ที่บริเวณ 31.52 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

         (+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 12 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 37.41 ดอลลาร์/บาร์เรล ท่ามกลางนักลงทุนติดตามความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดประชุมของกลุ่มโอเปกพลัส หลังจากไม่มีจัดประชุมวานนี้ ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า อาจจะจัดประชุมในสัปดาห์นี้ หากอิรักและสมาชิกอื่นของโอเปกพลัสยืนยันที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงในการปรับลดกำลังการผลิตมากขึ้น

         (+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 22.6 ดอลลาร์ หรือ 1.33% ปิดที่ 1727.4 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของธนาคารกลางยุโรป (ECB)

         SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 1132.2 / -1.17

ปัจจัยที่ต้องติดตาม

5 มิ.ย.       - สหรัฐ: การจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงาน (พ.ค.)

7 มิ.ย.       - จีน: ส่งออก-นำเข้า (พ.ค.)

8 มิ.ย.       - ญี่ปุ่น: 1Q20 GDP

9-10 มิ.ย. - สหรัฐ: FOMC ประชุม

15 มิ.ย.       - จีน: Industrial Production, Retail sales (พ.ค.)

16 มิ.ย.       - ญี่ปุ่น: BOJ ประชุม

         - สหรัฐ: Industrial Production, Retail sales (พ.ค.)

         Contact person : Jitra Amornthum Register : 014530

         Contact person : Veeravat Virochpoka Register : 047077

         www.fnsyrus.com

         FB: Finansia Syrus Research

******************************************

 

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!