หมวดหมู่: บริษัทจดทะเบียน

TRIS 5


ทริสเรทติ้ง คงอันดับเครดิตองค์กร & หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 'บ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์' ที่ 'A'และเปลี่ยนแนวโน้ม เป็น 'Negative' จาก 'Stable'

     ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) ที่ระดับ 'A' แต่เปลี่ยนแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทเป็น 'Negative' หรือ 'ลบ' จาก 'Stable' หรือ 'คงที่'โดยแนวโน้มอันดับเครดิต 'Negative' หรือ 'ลบ' สะท้อนถึงความเป็นไปได้สูงที่ภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากโอกาสในการลงทุนในสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าใหม่ซึ่งดำเนินงานโดยบริษัทย่อยหลักคือ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)

      อันดับเครดิตยังคงสะท้อนถึงความแข็งแกร่งทางธุรกิจของบริษัทจากการมีรายได้ค่าบริการที่สม่ำเสมอจากการให้บริการเดินรถไฟฟ้า ตลอดจนการได้รับเงินปันผลที่สม่ำเสมอจากการถือหุ้น 33.33% ในกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) และการมีสถานะที่มั่นคงในธุรกิจสื่อโฆษณา อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตก็มีข้อจำกัดบางส่วนจากโอกาสที่ภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มสูงขึ้นอย่างมากเพื่อใช้ลงทุนในโครงการที่กล่าวถึงข้างต้น

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

รายได้จากการให้บริการเดินรถที่คาดการณ์ได้และเพิ่มมากขึ้น

     ทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้และกระแสเงินสดจากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวทั้ง 2 เส้นทาง ทั้งนี้ บริษัทให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าผ่านบริษัทระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ โดยรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้ได้เริ่มให้บริการในช่วงปลายปี 2561 ในขณะที่ส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือจะเปิดให้บริการตลอดเส้นทางในปี 2563 รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสามารถคาดการณ์ได้ในระดับสูงเนื่องจากมีการกำหนดอัตราค่าบริการแบบตายตัวไว้แล้วและยังถือว่าเป็นรายได้ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงอีกด้วย ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.5 พันล้านบาทในปีบัญชี 2565 จากประมาณ 2.3 พันล้านบาทในปีบัญชี 2562

ผลกระทบระยะสั้นจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 จะส่งผลให้เงินปันผลรับลดลง

       รายได้เงินปันผลจากกองทุนรวม BTSGIF จะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ หรือโควิด-19 โดยในปีบัญชี 2564 ผลการดำเนินงานของกองทุนรวม BTSGIF คาดว่าจะอ่อนแอลงเนื่องจากมาตรการปิดเมืองเพื่อจำกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้าจะลดลงอย่างมากในช่วงไตรมาสแรกของปีบัญชี 2564 แต่คาดว่าจะเริ่มฟื้นตัวในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปีบัญชี 2564 เมื่อการแพร่ระบาด สามารถควบคุมได้ในวงกว้างและภาครัฐมีการผ่อนคลายมาตรการปิดเมือง ทริสเรทติ้งเชื่อว่าจำนวนผู้โดยสารจะเพิ่มขึ้นในปีบัญชี 2565 เนื่องจากการขยายโครงข่ายรถไฟฟ้าจะส่งผลให้มีปริมาณผู้โดยสารเพิ่มมากขึ้นในโครงข่ายหลักซึ่งผ่านบริเวณใจกลางกรุงเทพฯ ที่มีผู้โดยสารจำนวนมาก จากเหตุผลดังกล่าว ทริสเรทติ้งจึงคาดว่ารายได้เงินปันผลของบริษัทจะลดลง 25% ในปีบัญชี 2564 จากนั้นจะปรับเพิ่มขึ้น 40% ในปีบัญชี 2565

จะต้องมีการลงทุนจำนวนมากหากโครงการใหม่ ๆ ได้รับความเห็นชอบ

      บริษัทจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนจำนวนมากเพื่อใช้ลงทุนในหลายโครงการในช่วง 5 ปีข้างหน้า เมื่อโครงการเหล่านี้เป็นรูปเป็นร่าง ทั้งนี้ โครงการหลักที่มีโอกาสในการลงทุนคือสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวซึ่งต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก บริษัทได้มีการทำสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากับกรุงเทพมหานครจำนวน 2 สัญญาเพื่อให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวและส่วนต่อขยาย อย่างไรก็ตาม กรุงเทพมหานครมีความตั้งใจที่จะปรับโครงสร้างสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าไปเป็นสัญญาสัมปทานใหม่และบริษัทก็มีความตั้งใจที่จะลงทุนในสัญญาสัมปทานใหม่ด้วย โดยบริษัทได้มีการตกลงเงื่อนไขและข้อกำหนดกับกรุงเทพมหานครแล้วและอยู่ในระหว่างรอความเห็นชอบจากรัฐบาลซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายในปีนี้

       นอกจากนี้ บริษัทและผู้ร่วมทุนยังได้รับการประกาศให้เป็นผู้ที่ให้ผลตอบแทนดีที่สุดสำหรับสัญญาดำเนินงานและบำรุงรักษา (O&M Contract) อายุ 30 ปีของโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองสายบางปะอิน - นครราชสีมา (M6)และสายบางใหญ่ - กาญจนบุรี (M81) รวมถึงสัญญาสัมปทานอายุ 50 ปีของโครงสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาอีกด้วย ทริสเรทติ้งประมาณการว่าบริษัทจะต้องจัดหาแหล่งเงินทุนจำนวนประมาณ 5.5 หมื่นล้านบาทสำหรับการลงทุนในโครงการเหล่านี้ในช่วง 5 ปีข้างหน้า

รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาลดลงแต่คาดว่าจะปรับตัวดีขึ้น

       ทริสเรทติ้ง คาดว่ารายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาของบริษัทจะลดลงอย่างมากถึงประมาณ 55% ในปีบัญชี 2564 จากปีบัญชีก่อนหน้าเนื่องจากไม่ได้รวมงบการเงินของ บริษัท มาสเตอร์ แอด จำกัด (มหาชน) เข้ามาด้วยและจากความต้องการโฆษณาที่ลดลงจากผลกระทบของไวรัสโควิด-19 อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาจะฟื้นตัวประมาณ 30% ในปีบัญชี 2565 โดยคาดว่าอุตสาหกรรมโฆษณาจะค่อย ๆ ฟื้นตัวเมื่อการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สามารถควบคุมได้ในวงกว้างในช่วงสิ้นครึ่งแรกของปี 2563 นอกจากนี้ การเปิดให้บริการเส้นทางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวก็จะช่วยเพิ่มรายได้ของธุรกิจสื่อโฆษณาในขบวนรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกด้วย ทั้งนี้ มีความเป็นไปได้สูงที่บริษัทจะได้รับสิทธิในการบริหารพื้นที่โฆษณาและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสถานีใหม่ ๆ ของโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายสายสีเขียว

        บริษัทดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านบริษัทย่อยคือ บริษัท วี จี ไอ จำกัด (มหาชน) ซึ่งมีความได้เปรียบในการแข่งขันสูงเนื่องจากเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอสและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพียงรายเดียว นอกจากนี้ บริษัทดังกล่าวยังขยายธุรกิจไปสู่สื่อโฆษณานอกบ้านในรูปแบบอื่น ๆ ผ่านการซื้อหุ้นในหลาย ๆ กิจการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจสื่อโฆษณาอีกด้วย โดยในปี 2563 บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 41.16% ในบริษัทมาสเตอร์ แอด 23% ใน บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด และ 18.86% ใน บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) การลงทุนดังกล่าวจะช่วยเพิ่มฐานรายได้และยังผสานประโยชน์ทั้งในด้านการจัดจำหน่ายร่วมกันและการรวมฐานข้อมูลของผู้บริโภค อีกทั้งบริษัท วี จี ไอ ยังเสนอบริการโฆษณาสื่อออนไลน์ให้แก่ธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภคโดยการใช้ข้อมูลที่บริษัทได้รวบรวมไว้เป็นจำนวนมากได้อีกด้วย

ภาระหนี้มีโอกาสที่จะเพิ่มสูงขึ้น

     ภาระหนี้ของบริษ้ทมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมากในกรณีที่มีการเปลี่ยนสัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าไปเป็นสัญญาสัมปทานใหม่ของรถไฟฟ้าสายสีเขียวตามที่ได้กล่าวไว้แล้วข้างต้น เนื่องจากสัญญาสัมปทานใหม่ยังคงรอความเห็นชอบจากรัฐบาล ดังนั้น สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งจึงไม่ได้รวมผลกระทบจากโอกาสในการลงทุนใหม่นี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2563 อัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายของบริษัทปรับลดลงมาอยู่ที่ 6.2 เท่า (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) จาก 7.4 เท่าในปีบัญชี 2562 เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายเป็นหลัก

     ทั้งนี้ ภายใต้สมมติฐานกรณีพื้นฐานของทริสเรทติ้งคาดว่าอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่ปรับปรุงแล้วจะลดลงมาอยู่ที่ 4-5 เท่าในปีบัญชี 2564-2565 โดยอัตราส่วนที่ลดลงดังกล่าวจะมาจากกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้นและจากการที่กรุงเทพมหานครจะชำระค่างานจัดหาและติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวใต้และส่วนต่อขยายสายสีเขียวเหนือ อย่างไรก็ตาม ในกรณีที่มีการลงทุนสัญญาสัมปทานใหม่ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานะทางการเงินของบริษัทมีแนวโน้มที่จะอ่อนแอลงอย่างมีนัยสำคัญหากบริษัทใช้เงินกู้สำหรับการลงทุนใหม่นี้เป็นหลัก

      บริษัทมีการกู้ยืมเงินจำนวนมากสำหรับลงทุนในโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลือง อย่างไรก็ตาม ทริสเรทติ้งไม่ได้รวมภาระหนี้ที่ใช้ลงทุนในโครงการดังกล่าวให้เป็นหนี้ของบริษัทเนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ใช้ในการลงทุนงานโยธารวมถึงเงินกู้สำหรับงานโยธาจะได้รับชำระคืนทั้งหมดจากภาครัฐ ทั้งนี้ ภายใต้สัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพูและสายสีเหลืองนั้น ภาครัฐจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการจัดหาพื้นที่และงานโยธา นอกจากนี้ เงินกู้ยืมสำหรับการติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกลยังเป็นเงินกู้โครงการที่มีลักษณะไม่มีสิทธิไล่เบี้ยผู้สนับสนุนโครงการอีกด้วย

สถานะสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ยอมรับได้

    ทริสเรทติ้งประเมินว่าบริษัทจะมีสภาพคล่องที่เพียงพอในช่วง 12 เดือนข้างหน้า โดย ณ เดือนธันวาคม 2562 บริษัทมีเงินสดในมือจำนวน 3.8 พันล้านบาทและมีหลักทรัพย์เพื่อค้าและหลักทรัพย์เผื่อขายจำนวน 3.8 พันล้านบาท บริษัทยังมีวงเงินสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ต่าง ๆ อีกประมาณ 2.16 หมื่นล้านบาทด้วย บริษัทมีภาระในการชำระหนี้ระยะยาวในช่วง 12 เดือนข้างหน้าประมาณ 5.1 พันล้านบาทและภาระหนี้ระยะสั้นจำนวน 1.18 หมื่นล้านบาท

     ในปีบัญชี 2564 บริษัทจะมีค่าใช้จ่ายลงทุนจำนวน 3.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งเงินลงทุนส่วนใหญ่จะมาจากเงินกู้โครงการ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2563 บริษัทมีเงินทุนจากการดำเนินงานจำนวน 4.2 พันล้านบาท โดยอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อหนี้สินทางการเงิน (ปรับเป็นอัตราส่วนเต็มปีด้วยตัวเลข 12 เดือนย้อนหลัง) อยู่ที่ระดับ 10.3% และอัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายอยู่ที่ระดับ 3.8 เท่า

       ทริสเรทติ้ง เชื่อว่าบริษัทจะยังคงสามารถปฏิบัติตามข้อกำหนดทางการเงินของหุ้นกู้ในระยะ 12 ถึง 18 เดือนได้ ทั้งนี้ ณ เดือนธันวาคม 2562 บริษัทมีอัตราส่วนภาระหนี้ที่มีดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นอยู่ที่ 0.1 เท่า ซึ่งต่ำกว่าข้อกำหนดทางการเงินของหุ้นกู้ที่ 2.5 เท่า

สมมติฐานกรณีพื้นฐาน

ในระยะ 3 ปีข้างหน้าระหว่างปีบัญชี 2563-2565 ทริสเรทติ้งมีสมมติฐานดังต่อไปนี้

  • รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.5 พันล้านบาทในปีบัญชี 2565 จากประมาณ 2.3 พันล้านบาทในปีบัญชี 2562
  • เงินปันผลรับจากกองทุนรวม BTSGIF จะลดลง 25% ในปีบัญชี 2564 และจะเพิ่มขึ้น 40% ในปีบัญชี 2565
  • รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาจะลดลง 55% ในปีบัญชี 2564 และจะเพิ่มขึ้น 30% ในปีบัญชี 2565
  • บริษัทจะรับรู้รายได้ประมาณ 6.8 หมื่นล้านบาทจากงานติดตั้งระบบไฟฟ้าและเครื่องกล ตลอดจนการจัดหาขบวนรถไฟฟ้า และรายได้จากการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีชมพูและสายสีเหลือง
  • อัตรากำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่ายต่อรายได้ของบริษัทจะอยู่ระหว่าง 60%-70%
  • งบลงทุนรวมทั้งหมดของบริษัทจะอยู่ที่ราว ๆ 7.7 หมื่นล้านบาทในช่วง 3 ปีข้างหน้า

แนวโน้มอันดับเครดิต

               แนวโน้มอันดับเครดิต'Negative' หรือ 'ลบ' สะท้อนถึงความเป็นไปได้ในระดับสูงที่ภาระหนี้ของบริษัทจะเพิ่มขึ้นอย่างมากจากโอกาสในการลงทุนใหม่ ๆ ซึ่งอาจส่งผลให้สถานะเครดิตของบริษัทอ่อนแอลงอย่างมากจนอยู่ในระดับที่ไม่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันของบริษัท

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง

           โอกาสในการปรับเพิ่มอันดับเครดิตในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านั้นยังไม่น่าจะเกิดขึ้นเนื่องจากทริสเรทติ้งคาดว่าบริษัทจะยังคงมีภาระหนี้อยู่ในระดับสูง อันดับเครดิตอาจปรับลดลงได้หากอัตราส่วนเงินกู้สุทธิต่อกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายของบริษัทอยู่ในระดับสูงเกินกว่า 5 เท่าเป็นระยะเวลานานซึ่งอาจเป็นผลมาจากการลงทุนที่ใช้เงินกู้จำนวนมากหรือผลการดำเนินงานที่ปรับตัวลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

เกณฑ์การจัดอันดับเครดิตที่เกี่ยวข้อง

- วิธีการจัดอันดับเครดิตธุรกิจทั่วไป, 26 กรกฎาคม 2562

- อัตราส่วนทางการเงินที่สำคัญและการปรับปรุงตัวเลขทางการเงิน, 5 กันยายน 2561

อันดับเครดิตองค์กร: A

อันดับเครดิตตราสารหนี้:

BTSG20DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A

BTSG22DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,500 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A

BTSG27DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2570 A

BTSG29DA: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A

BTSG209A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,550 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2563 A

BTSG239A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,290 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2566 A

BTSG289A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 4,660 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2571 A

BTSG245A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 3,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2567 A

BTSG265A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 2,700 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2569 A

BTSG295A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 5,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2572 A

BTSG215A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,000 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2564 A

BTSG225A: หุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกัน 1,300 ล้านบาท ไถ่ถอนปี 2565 A

แนวโน้มอันดับเครดิต: Negative

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด/ www.trisrating.com

ติดต่อ This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it. โทร. 0-2098-3000 อาคารสีลมคอมเพล็กซ์ ชั้น 24 191 ถ. สีลม กรุงเทพฯ 10500

         บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด สงวนลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2563 ห้ามมิให้บุคคลใด ใช้ เปิดเผย ทำสำเนาเผยแพร่ แจกจ่าย หรือเก็บไว้เพื่อใช้ในภายหลังเพื่อประโยชน์ใดๆ ซึ่งรายงานหรือข้อมูลการจัดอันดับเครดิต ไม่ว่าทั้งหมดหรือเพียงบางส่วน และไม่ว่าในรูปแบบ หรือลักษณะใดๆ หรือด้วยวิธีการใดๆ โดยที่ยังไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษรจาก บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ก่อน การจัดอันดับเครดิตนี้มิใช่คำแถลงข้อเท็จจริง หรือคำเสนอแนะให้ซื้อ ขาย หรือถือตราสารหนี้ใดๆ แต่เป็นเพียงความเห็นเกี่ยวกับความเสี่ยงหรือความน่าเชื่อถือของตราสารหนี้นั้นๆ หรือของบริษัทนั้นๆ โดยเฉพาะ ความเห็นที่ระบุในการจัดอันดับเครดิตนี้มิได้เป็นคำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุน หรือคำแนะนำในลักษณะอื่นใด การจัดอันดับและข้อมูลที่ปรากฏในรายงานใดๆ ที่จัดทำ หรือพิมพ์เผยแพร่โดย บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดทำขึ้นโดยมิได้คำนึงถึงความต้องการด้านการเงิน พฤติการณ์ ความรู้ และวัตถุประสงค์ของผู้รับข้อมูลรายใดรายหนึ่ง

        ดังนั้น ผู้รับข้อมูลควรประเมินความเหมาะสมของข้อมูลดังกล่าวก่อนตัดสินใจลงทุน บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้รับข้อมูลที่ใช้สำหรับการจัดอันดับเครดิตนี้จากบริษัทและแหล่งข้อมูลอื่นๆ ที่เชื่อว่าเชื่อถือได้ ดังนั้น บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด จึงไม่รับประกันความถูกต้อง ความเพียงพอ หรือความครบถ้วนสมบูรณ์ของข้อมูลใดๆ ดังกล่าว และจะไม่รับผิดชอบต่อความสูญเสีย หรือความเสียหายใดๆ อันเกิดจากความไม่ถูกต้อง ความไม่เพียงพอ หรือความไม่ครบถ้วนสมบูรณ์นั้น และจะไม่รับผิดชอบต่อข้อผิดพลาด หรือการละเว้นผลที่ได้รับหรือการกระทำใดๆโดยอาศัยข้อมูลดังกล่าว ทั้งนี้ รายละเอียดของวิธีการจัดอันดับเครดิตของ บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เผยแพร่อยู่บน Website: http://www.trisrating.com/th/rating-information-th2/rating-criteria.html

COREHOON

******************************************

line logotwitterLike1 Share3Like1 Share1กด Like - Share  เพจ Corehoon-Power Time เพื่อติดตามเคล็ดลับ ข่าวสาร เทรนด์ และบทวิเคราะห์ดีๆ อัพเดตทุกวัน คัดสรรมาเพื่อท่านนักลงทุนโดยเฉพาะ

 Click Donate Support Web

SAM720x100px bgGC 790x90

SME720 x 100banpu 720x90 new1 1

ooKbee1

corehoon NEW2

 

 

ข่าวล่าสุด!!